
ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งลงโทษทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ด้วยการกล่าวหาว่า ICC มีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายและไม่มีมูลความจริงต่อสหรัฐและอิสราเอล
บีบีซี (BBC) และเอพี (AP) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารแซงก์ชั่น หรือลงโทษทางเศรษฐกิจศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในกรุงเฮก จากการที่ ICC ดำเนินการสอบสวนอิสราเอล และมีการดำเนินการที่ขาดความชอบธรรมและไร้มูลต่อทั้งสหรัฐและพันธมิตรใกล้ชิด เมื่อ 5 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น
ทรัมป์ลงนามในคำสั่งที่ระบุว่า “การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีมูล ซึ่งมุ่งเป้าไปที่อเมริกาและอิสราเอล ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของเรา” และใช้อำนาจในทางมิชอบโดยออก “หมายจับที่ไร้มูลความจริง” ต่อเนทันยาฮูและโยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล
“ศาลอาญาระหว่างประเทศไม่มีเขตอำนาจศาลเหนือสหรัฐหรืออิสราเอล” คำสั่งระบุเพิ่มเติม
มาตรการแซงก์ชั่นรวมถึงการจำกัดด้านการเงินและวีซ่าต่อบุคลากรและครอบครัว ซึ่งมีส่วนช่วย ICC ในการสอบสวนพลเมืองสหรัฐหรือชาติพันธมิตรทั้งหลาย ซึ่งทรัมป์ลงนามแซงก์ชั่นในช่วงที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเยือนสหรัฐเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การดำเนินการแซงก์ชั่นอาจรวมถึงการปิดกั้นทรัพย์สินและสินทรัพย์ และไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ พนักงาน และญาติของ ICC เข้าสู่สหรัฐ
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ICC ออกหมายจับเนทันยาฮูในข้อกล่าวหากระทำการที่เป็นอาชญากรรมสงครามในกาซา ซึ่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลปฏิเสธ และรวมถึงออกหมายจับผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาสด้วย
หนังสือเวียนของทำเนียบขาวที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้กล่าวหาศาลอาญาโลกทำให้ฮามาสและอิสราเอลมีศีลธรรมที่พอ ๆ กัน ซึ่งน่าละอาย ด้วยการออกหมายจับในเวลาเดียวกัน
ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ระบุว่า การดำเนินการเมื่อไม่นานมานี้ของ ICC สร้างบรรทัดฐานอันตรายต่อชาวอเมริกัน โดยทำให้ชาวอเมริกันตกอยู่ภายใต้การคุกคาม การล่วงละเมิด และอาจถูกจับกุม
“การกระทำที่เป็นการใส่ร้ายนี้คุกคามอำนาจอธิปไตยสหรัฐ และบ่อนทำลายการทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐ และพันธมิตรของเรา รวมถึงอิสราเอล” คำสั่งดังกล่าวระบุ
คำสั่งดังกล่าวระบุเพิ่มเติมว่า ทั้งสองประเทศสหรัฐและอิสราเอลเป็นประชาธิปไตยที่เจริญรุ่งเรืองโดยมีกองทัพที่ยึดมั่นตามกฎหมายสงครามอย่างเคร่งครัด ทำเนียบขาวกล่าวหา ICC ว่าจำกัดสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ขณะเดียวกันก็กล่าวหาว่า ICC เพิกเฉยต่ออิหร่านและกลุ่มต่อต้านอิสราเอล
ทั้งนี้ สหรัฐไม่ใช่สมาชิก ICC และปฏิเสธอำนาจศาลศาลเหนือเจ้าหน้าที่หรือพลเมืองสหรัฐซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในช่วงการดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ได้แซงก์ชั่นเจ้าหน้าที่ ICC ที่กำลังสืบสวนว่ากองกำลังสหรัฐก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถานหรือไม่ ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวถูกยกเลิกไปโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน