เดอะ การ์เดียน รายงานว่า รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีบางประเทศได้รับการยกเว้น ได้แก่ พลเมืองออสเตรเลีย พลเมืองจากประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก และเด็กเล็กอายุต่ำ 2 ปี
ทั้งนี้ รัฐบาลแดนกีวี ระบุว่าจุดประสงค์เพื่อนำรายได้มาใช้ในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน หลังจากที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแดนกีวีเฟื่องฟูอย่างมากในช่วงหลายปีก่อน พร้อมกับนั้น นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมจำนวนมาก เคยวิจารณ์รัฐบาลถึงการเปลี่ยนแปลงในทางลบ หลังจากที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- บัตรเครดิตซิตี้ ย้ายไป UOB บัตรประเภทไหน เปลี่ยนแปลงอย่างไร
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
ข้อบังคับใช้ฉบับใหม่นี้ ระบุอีกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเยือนนิวซีแลนด์ ต้องเสียภาษีให้กับประเทศ ประมาณ 25-35 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อคน (ราว 23-33 ดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยจะเริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2019 ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่า ภาษีดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลนิวซีแลนด์ ราว 80 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ต่อปี
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่มีประชากรเพียง 4.5 ล้านคน แต่ปีที่ผ่านมา รองรับนักท่องเที่ยวสูงถึง 3.8 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปี 2015 โดยสัดส่วนดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “ออสเตรเลีย” ซึ่งเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในนิวซีแลนด์มากถึง 1.5 ล้านคน
ด้าน “Eugenie Sage” รัฐมนตรีกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนิวซีแลนด์ กล่าวว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีครั้งนี้ จะเป็นการช่วยให้นิวซีแลนด์ปรับตัวได้ดีขึ้น ในการรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก การบริการทางด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นและความคาดหวังของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในนิวซีแลนด์ ก็คือ ความสวยงามของธรรมชาติ
ดังนั้น “นิวซีแลนด์จำเป็นต้องเพิ่มรายได้ในการปรับปรุง และฟื้นฟูธรรมชาติให้คงอยู่กับเราในระยะยาว” รัฐมนตรีอนุรักษ์ฯ กล่าวปิดท้าย