
ประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนจะประกาศการจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมด 25% จากทุกประเทศ ซึ่งเพิ่มเติมจากอัตราภาษีที่เก็บอยู่เดิม
รอยเตอร์ (Reuters) และบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐจะจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าทั้งหมด 25% เพิ่มเติมจากภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่มีอยู่เดิม (on top) จากทุกประเทศ ซึ่งถือเป็นการยกระดับนโยบายการค้าครั้งใหญ่ของทรัมป์อีกครั้งหนึ่ง โดยจะประกาศให้ทราบในวันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ตามเวลาท้องถิ่น
ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน ขณะเดินทางไปชมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลซูเปอร์โบว์ลของ NFL ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา โดยระบุว่าเขาจะประกาศอัตราภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กใหม่จากทุกประเทศ แต่ไม่ได้ระบุว่ามีผลเมื่อใด
ประธานาธิบดีสหรัฐยังกล่าวอีกว่า เขาจะประกาศภาษีศุลกากรแบบ/ต่างตอบแทน หรือภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reprocical Tariff) ในวันอังคารหรือวันพุธนี้ โดยจะมีผลบังคับใช้เกือบจะในทันที โดยจะนำไปใช้กับทุกประเทศและจะเท่ากับอัตราภาษีที่แต่ละประเทศเรียกเก็บกับสหรัฐ
แหล่งข่าวในรัฐบาลแคนาดากล่าวว่า ทางแคนาดาจะไม่ตอบสนองต่อการประกาศอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของทรัมป์จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติม หรือได้รับคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจากทรัมป์แล้ว
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะอนุญาตให้บริษัทนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ของญี่ปุ่นลงทุนในบริษัท ยู.เอส. สตีล (U.S. Steel) แต่รัฐบาลสหรัฐจะไม่อนุญาตให้บริษัทนี้เข้าถือหุ้นใหญ่ โดยทรัมป์กล่าวถึงบริษัท ยู.เอส. สตีล ว่าอัตราภาษีนำเข้าจะทำให้บริษัท ยู.เอส. สตีลประสบความสำเร็จอีกครั้ง และคิดว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่บริษัท นิปปอน สตีลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกาศล่าสุดของทรัมป์
ในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% แต่ต่อมาก็ได้ให้การยกเว้นภาษีแก่คู่ค้าหลายราย เช่น แคนาดา เม็กซิโก และบราซิล
การใช้กำลังการผลิตของโรงงานเหล็กพุ่งสูงขึ้นเกิน 80% ในปี 2019 หลังจากที่ทรัมป์กำหนดอัตราภาษีนำเข้าในสมัยแรก แต่หลังจากนั้นการใช้กำลังการผลิตก็ลดลง เนื่องจากจีนครองตลาดโลกจนทำให้ราคาเหล็กลดลง ส่งผลให้โรงหลอมอะลูมิเนียมของแม็กนิจูด 7 เมทัลส์ (Magnitude 7 Metals) ในรัฐมิสซูรี ซึ่งฟื้นคืนชีพจากอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าวต้องหยุดชะงักไปเมื่อปีที่แล้ว
ตามข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐและสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งอเมริกา (American Iron and Steel Institute) ระบุว่าแหล่งนำเข้าเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐคือ แคนาดา บราซิล และเม็กซิโก รองลงมาคือเกาหลีใต้และเวียดนาม
ฟรองซัวส์ เลโกต์ มุขมนตรีรัฐควิเบกของแคนาดากล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ขู่ว่าจะโจมตีเซ็กเตอร์อะลูมิเนียมและเหล็ก ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สหรัฐพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ แคนาดาส่งออกอะลูมิเนียม 2.9 ล้านตันไปยังสหรัฐ คิดเป็น 60% ของดีมานด์สหรัฐ
“พวกเขาชอบที่จะนำเข้าสินค้าจากจีนมากกว่างั้นหรือ” เลโกต์ มุขมนตรีรัฐควิเบกกล่าวผ่านเว็บไซต์ X ซึ่งรัฐควิเบกเป็นซัพพลายเออร์อะลูมิเนียมรายใหญ่
เลโกต์ระบุอีกว่า ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าต้องเริ่มเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีใหม่กับสหรัฐโดยเร็วที่สุด และไม่ต้องรอให้ถึงกำหนดการทบทวนที่วางแผนไว้ในปี 2026 ตามข้อตกลงเสรีทางการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา และต้องยุติความไม่แน่นอนนี้