
โครงการนำร่องที่ทางการจีนเปิดให้บริษัทประกันภัยลงทุนในทองคำเป็นครั้งแรก ในสัดส่วนมากถึง 1% ของสินทรัพย์ ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนราว 915,000 ล้านบาท มีผลบังคับใช้เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นการเปลี่ยนนโยบายของจีน
บลูมเบิร์ก (ฺBloomberg) และไชน่า เดลี่ (China Daily) รายงานว่า สำนักบริหารกำกับดูแลการเงินแห่งชาติจีน (The National Financial Regulatory Administration :NFRA) ประกาศอนุญาตให้บริษัทประกันภัยลงทุนในทองคำได้สูงสุด 1% ของสินทรัพย์ ในโครงการนำร่องที่มีบริษัทประกันภัย 10 แห่งเข้าร่วม นับเป็นการเปิดทางให้บริษัทประกันภัยซื้อทองคำได้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทประกันภัย 10 แห่ง รวมถึง PICC Property & Casualty Co. และ China Life Insurance Co. ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุด 2 แห่งของจีน จะสามารถลงทุนในทองคำแท่งได้มากถึง 1% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งเท่ากับมีเงินหมุนเวียนมากถึง 200,000 ล้านหยวน (ราว 915,000 ล้านบาท) อ้างอิงตามการวิเคราะห์ของบริษัท Minsheng Securities Co. ที่ระบุในบันทึก โดยโครงการดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าทางการจีนตระหนักถึงการขาดแคลนทางเลือกการลงทุนในจีน และตระหนักถึงความจำเป็นในการมีทางเลือกอื่นท่ามกลางภาวะอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำและภาวะเศรษฐกิจซบเซา ทั้งนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นราว 40% นับตั้งแต่สิ้นปี 2023 และการพุ่งขึ้นดังกล่าวได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในการดำรงตำแหน่งวาระสองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งของทองคำอาจทำให้ราคาสูงเกินไปสำหรับนักลงทุนชาวจีนจำนวนมาก
การเคลื่อนไหวดังกล่าวยังทำให้ทองคำกลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์แรกที่บริษัทประกันภัยของจีนได้รับอนุญาตให้ลงทุนอย่างชัดเจน ทั้งนี้ จีนจำกัดกองทุนประกันภัยไม่ให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนที่เป็นเงินสดที่มั่นคง และจำกัดจำนวนเงินที่สามารถใส่ในสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรและหุ้น
ในส่วนวัตถุดิบ หรือวัตถุตั้งต้นในกระบวนการผลิต ซึ่งรวมถึงทองคำแท่งด้วยนั้น มักมีความอ่อนไหวสูงต่อแนวโน้มของปัจจัยพื้นฐาน เหตุการณ์เศรษฐกิจมหภาค และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์