ญี่ปุ่นลงทุนต่างประเทศ (FDI) ไปสหรัฐทะลุนิวไฮ แต่ไปจีนน้อยลง

ท่าเรือคอนเทนเนอร์ชินากาวะ ภาพโดย REUTERS/Kim Kyung-Hoon
ท่าเรือคอนเทนเนอร์ชินากาวะ ภาพโดย REUTERS/Kim Kyung-Hoon

ปี 2024 ญี่ปุ่นลงทุนต่างประเทศ (FDI) ไปสหรัฐทะลุนิวไฮ ราว 2.63 ล้านล้านบาท ขณะที่การลงทุนไปจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงตลอดสิบปีที่ผ่านมา

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเผยข้อมูลว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐสุทธิทะลุนิวไฮที่ 11.73 ล้านล้านเยน (ราว 2.63 ล้านล้านบาท) ในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ข้อกังวลด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ญี่ปุ่นลงทุนไปจีนน้อยลง

ตามข้อมูลดุลการชําระเงิน (BoP) ที่เผยแพร่โดยกระทรวงการคลังญี่ปุ่น พบว่า ญี่ปุ่นมีการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศขาออก (Outward FDI) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2024 เป็น 31.63 ล้านล้านเยน (ราว 7.10 ล้านล้านบาท) สูงสุดนับตั้งแต่ปี 1996 จากการเข้าซื้อกิจการต่างประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ และหักออกด้วยการถอนกิจการ

ญี่ปุ่นลงทุนในสหรัฐมากเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตลอดสิบปีที่ผ่านมา คิดเป็น 40% ของ FDI ที่เข้ามายังสหรัฐ

FDI ไปยังจีนสุทธิอยู่ที่ 493,100 ล้านเยน (ราว 110,716 ล้านบาท) ในปี 2024 ค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับปี 2023 แต่ลดลงเกือบ 60% เมื่อเทียบกับสิบปีก่อน ขณะที่ FDI ไปยังอาเซียนเพิ่มมากขึ้น 36% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) อยู่ที่ 4.44 ล้านล้านเยน (ราว 996,851 ล้านบาท)

ทาเคชิ มาคิตะ (Takeshi Makita) ที่ปรึกษาทางธุรกิจจากเจแปน รีเสิร์ช อินสติติว (Japan Research Institute) กล่าวว่า บริษัทญี่ปุ่นอาจระงับการลงทุนในจีน ด้วยเหตุผลด้านความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่เป็นผลของภาคอสังหาฯที่ตกต่ำ ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มขึ้นนับตั้งแต่สมัยทรัมป์ 1.0 ตอนที่สงครามการค้าปะทุขึ้น

ADVERTISMENT

ในการประชุมผู้นำกับชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 ทรัมป์แสดงความต้องการที่จะลดการขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่น และเตรียมขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมกับทุกประเทศอีกด้วย ซึ่งบริษัทญี่ปุ่นต้องเลือกเพิ่มการผลิตในสหรัฐแทนการส่งออกมายังสหรัฐ

ญี่ปุ่นมีแนวโน้มการลงทุนไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นท่ามกลางเงินเยนที่อ่อนค่าลง ในปี 2024 เงินเยนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 151.48 เยนต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง 7.8% เมื่อเทียบกับปี 2023

ADVERTISMENT

ผลกำไรที่ถูกนำกลับมาลงทุนต่อแทนที่จะส่งกลับประเทศคิดเป็น 40% ของเงิน FDI ทั้งหมดในปี 2024 ซึ่งมีมูลค่าน้อยกว่าปี 2023 เพียง 3% มีสัดส่วนของเงินลงทุนในทุนเรือนหุ้น (Equity capital) ซึ่งหมายถึงการลงทุนด้วยการถือหุ้นที่มีสิทธิร่วมในการบริหารกิจการตั้งแต่ร้อยละ10 ขึ้นไป เพิ่มขึ้นเกือบ 60%

ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมายังญี่ปุ่นซบเซาอย่างมาก ตกลง 13% เหลือ 2.56 ล้านล้านเยน (ราว 574,597 ล้านบาท) จากที่เคยแตะจุดพีกในปี 2020 ที่ 6.7 ล้านล้านเยน (ราว 1.5 ล้านล้านบาท)

ญี่ปุ่นมีบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพิ่มขึ้น 30% เป็น 29.26 ล้านล้านเยน (ราว 6.56 ล้านล้านบาท) จากรายได้ปฐมภูมิ (Primary Income) ที่เพิ่มขึ้น 11% เป็น 40.21 ล้านล้านเยน (ราว 9 ล้านล้านบาท) ขณะที่ขาดดุลการค้าลดลงทั้งภาคสินค้าและบริการที่ 3.9 ล้านล้านเยน (ราว 874,355 ล้านบาท) และ 2.62 ล้านล้านเยน (ราว 587,387 ล้านบาท) ตามลำดับ

ในภาคบริการ ญี่ปุ่นเกินดุลภาคการท่องเที่ยว (จำนวนเงินที่นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายในญี่ปุ่นลบกับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นใช้จ่ายนอกประเทศ) มากสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.9 ล้านล้านเยน (ราว 1.32 ล้านล้านบาท) แต่ขาดดุลด้านบริการดิจิทัลมากสุด ซึ่งเพิ่มเป็น 6.6 ล้านล้านเยน (ราว 1.47 ล้านล้านบาท)