ทรัมป์จ่อขึ้นภาษีรถนำเข้า ค่ายรถเยอรมนีโดนหนักสุด

โฟล์คสวาเกน ภาพโดย REUTERS/Fabian Bimmer
โฟล์คสวาเกน ภาพโดย REUTERS/Fabian

ค่ายรถเยอรมนีเตรียมหนาว หลังทรัมป์จ่อขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าเพิ่มเติมจากอัตราภาษี 25%

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เตรียมตั้งกำแพงภาษีนำเข้ากับตลาดรถยนต์ซึ่งมีมูลค่ากว่า 240,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 8 ล้านล้านบาท) ในสหรัฐ ค่ายรถเยอรมนีและเกาหลีใต้เสี่ยงกระทบหนักสุด

ตามข้อมูลจากโกลบอล ดาต้า (Global Data) บริษัทวิจัยตลาด พบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของตลาดยานยนต์สหรัฐมาจากการนำเข้า โดยรถโฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ที่ขายในสหรัฐมาจากการนำเข้าราว 80% ขณะที่รถฮุนได (Hyundai) และเกีย (Kia) มาจากการนำเข้าราว 65% ตามด้วยเมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี (Mercedes-Benz Group AG) ที่นำเข้าราว 63% 

ทรัมป์ประกาศในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ว่า รถเป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่จะมีการเก็บภาษีสูงขึ้น ตามที่ได้ประกาศไว้ว่าจะดำเนินการขึ้นกำแพงภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับคู่ค้าหลายประเทศ โดยทรัมป์ย้ำว่าจะมีการจัดเก็บภาษีแบบเจาะจงชนิดสินค้าเพิ่มอีกหลังขึ้นกำแพงภาษีแบบตอบโต้ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้เร็วสุด 1 เมษายนนี้

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากำแพงภาษีรถยนต์นำเข้าจะมีขนาดเท่าไร และรถยนต์ที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกซึ่งอยู่ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) จะถูกละเว้นหรือไม่ 

อุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีเป็นวงกว้าง ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ (Commerce Department) พบว่าสหรัฐนำเข้ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger Cars) และรถบรรทุกขนาดเล็ก (Light Truck) รวมประมาณ 8 ล้านคันในปี 2024 คิดเป็นมูลค่ารวมสูงกว่า 240,000 ล้านดอลลาร์ 

ADVERTISMENT

ความตกลงเขตการค้าเสรีช่วยให้อเมริกาเหนือกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์มานานหลายทศวรรษ จนเกิดห่วงโซ่อุปทานที่บูรณาการไปทั่วภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อแคนาดาและเม็กซิโกเพิ่มขึ้นอีก 25% ของทรัมป์ นำมาซึ่งคำถามว่าเขตการค้าเสรียังมีความสำคัญอยู่หรือไม่

ไม่กี่วันที่ผ่านมา จิม ฟาร์เลย์ (Jim Farley) ซีอีโอฟอร์ด มอร์เตอร์ (Ford Motor) เตือนว่าการขึ้นอัตราภาษีอีก 25% จะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในสหรัฐอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ADVERTISMENT