
สื่อรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้สถานทูตสหรัฐทั่วโลกลดจำนวนพนักงานลง นับเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปคณะทูต
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้ขอให้สถานทูตสหรัฐทั่วโลกเตรียมลดจำนวนพนักงาน นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ในการปฏิรูปคณะทูตสหรัฐ
สถานทูตบางแห่งถูกขอให้พิจารณาลดเจ้าหน้าที่ตลอดจนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่สถานทูตจ้างแห่งละ 10% โดยจัดส่งการลดกำลังคนให้กระทรวงการต่างประเทศให้แล้วเสร็จภายในวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น
ตามข้อมูลของพิพิธภัณฑ์การทูตอเมริกันแห่งชาติระบุว่า สถานทูตสหรัฐทั่วโลกจ้างทั้งนักการทูตและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตส่วนใหญ่มาจากประเทศเจ้าภาพ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งกล่าวว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้รับเหมาประมาณ 60 รายของสำนักงานประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงานของกระทรวงการต่างประเทศถูกเลิกจ้าง และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดจำนวนพนักงานในสำนักงานอื่น ๆ ด้วย
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศยังคงประเมินท่าทีของกระทรวงในระดับโลกเพื่อให้แน่ใจว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการแก้ไขความท้าทายสมัยใหม่ในฐานะตัวแทนประชาชนชาวอเมริกัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์พยายามปรับโครงสร้างคณะทูต โดยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารให้ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศปฏิรูปกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายต่างประเทศของสหรัฐจะดำเนินการตามนโยบายต่างประเทศอย่างซื่อสัตย์และมีประสิทธิผล
คำสั่งดังกล่าวซึ่งตามมาหลังจากความพยายามในการยุบสำนักงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐ (USAID) เกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์ทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้แน่ใจว่านโยบายต่างประเทศของสหรัฐ สอดคล้องกับวาระอเมริกาต้องมาก่อน นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะกำจัดรัฐพันลึกโดยการไล่ข้าราชการที่เขาเห็นว่าไม่ซื่อสัตย์ออกไป
คำสั่งซึ่งมีชื่อว่า “One Voice for America’s Foreign Relations” หรือ “หนึ่งเสียงเดียวกัน สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐ” ยังระบุด้วยว่าการไม่ดำเนินการตามนโยบายของประธานาธิบดีถือเป็นเหตุละเมิดวินัยทางวิชาชีพ ซึ่งอาจส่งผลร้ายถึงขั้นไล่ออก คำสั่งดังกล่าวระบุว่า รัฐมนตรีต้องรักษาเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รักชาติอย่างดีเยี่ยมเพื่อนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผล
คำสั่งดังกล่าวยังสั่งให้อาจมีการปฏิรูปคู่มือการต่างประเทศ ซึ่งเป็นชุดนโยบายและขั้นตอนที่ครอบคลุมระบุถึงวิธีการดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ได้สั่งระงับการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศส่วนใหญ่ของสหรัฐเพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน โดย USAID ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมหลักของสหรัฐ กลายเป็นเป้าหมายแรกของความพยายามที่นำโดยมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ในการลดขนาดของรัฐบาลสหรัฐ