ซัมมิต สี จิ้นผิง-บิ๊กธุรกิจ ได้โชว์ตะวันตก นัยจัดทัพสงครามการค้า-เทค?

สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเข้าร่วมประชุมกับประธานาธิบดีลูอีซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล ที่กรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล เมื่อ 20 พฤศจิกายน 2024 (ภาพแฟ้ม REUTERS/Adriano Machado)
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 12.12 น.และอัพเดตล่าสุดเวลา 16.38 น.

เปิดสัปดาห์ที่น่าตื่นเต้นและน่าติดตามอย่างมากเมื่อสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเข้าร่วมประชุมกับผู้นำภาคเอกชนที่มีชื่อเสียง ถือเป็นการแสดงการสนับสนุนภาคเอกชนครั้งสำคัญหลังจากเกิดความวุ่นวายและละเลยมาหลายปี การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในขณะที่สหรัฐเก็บภาษีจีน 10 % และขู่ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอีก ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอและวิกฤตหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว ได้รับแรงกดดันมากขึ้น

ในการหารือที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ วิดีโอที่เผยแพร่โดยซีซีทีวี (CCTV) แสดงให้เห็นผู้นำธุรกิจเอกชนรายอื่นๆ ที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ แจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา , เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัท ดีปซีก (DeepSeek), เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย  , เหลย จุน (Lei Jun) ผู้ก่อตั้ง Xiaomi , หวัง ชวนฟู่ ผู้ก่อตั้ง BYD , หวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้ง Unitree , โรบิน เจิ้ง จาก CATL ,หวัง ซิง ของ Meituan, เหลียง อูปิน (Leng Youbin) ของไชน่า เฟยเหอ (China Feihe) , และอู เหรินร่ง (Yu Renrong) ผู้ก่อตั้ง Will Semiconductor และ โพนี่ หม่า (Pony Ma) จากเทนเซนต์ (Tencent) ก็เข้าร่วมด้วย

แหล่งข่าวกล่าวว่า แต่ผู้ก่อตั้งไป่ตู้ (Baidu) และไบต์แดนซ์ (Bytedance) บริษัทแม่ของติ๊กต๊อก ถือเป็นผู้นำธุรกิจเอกชนที่มีชื่อเสียงในจีนที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมนี้

การประชุมสุดยอดดังกล่าวจะส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าพรรคคอมมิวนิสต์กำลังสนับสนุนบริษัทภาคเอกชนที่ถือได้ว่าเป็นส่วนใหญ่ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นความรู้สึกของภาคเอกชน และคาดว่า ประธานาธิบดีสีจะสนับสนุนให้ผู้บริหารบริษัทขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ก่อนหน้านี้ การมองในแง่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ได้จุดชนวนให้ตลาดหุ้นจีนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นฮั่งเส็ง ไชน่า เอ็นเตอร์ไพรซ์ (Hang Seng China Enterprises) กลายเป็นดัชนีตลาดหุ้นที่มีผลงานดีที่สุดในโลก การคาดเดาบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการประชุมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางการจีนและบริษัทต่าง ๆ รวมถึงอาลีบาบาทำให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นของอาลีบาบาพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2022

ADVERTISMENT

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ย้อนไปในปี 2020 หม่าเป็นเป้าหมายรายสำคัญที่สุดจากการปราบปรามภาคเอกชนให้อยู่ในร่องในรอย ตามโอวาสและแนวทางของสี จิ้นผิง  เมื่อทางการได้สร้างความตกตะลึงต่อประชาคมโลกด้วยการทำลายการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) ของบริษัท แอนต์ กรุ๊ป (Ant Group) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบา และนับจากนั้น หม่า ซึ่งเป็นคนกล้าพูด กล้าแสดงความเห็นต่อสาธารณชนหายไปจากสายตาประชาชนหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งจุดชนวนให้เกิดแคมเปญยาวนานหลายปีของรัฐบาลที่เข้ามาควบคุมเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างเข้มงวดมากขึ้น ไม่ว่าควบคุมชนชั้นมหาเศรษฐีของประเทศ และจัดสรรทรัพยากรให้กับสิ่งที่สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก รวมทั้งความมั่นคงของชาติและการพึ่งพาตนเองได้ทางเทคโนโลยี

แต่ทางการจีนได้ใช้แนวทางที่ไม่ค่อยมีการต่อสู้ระหว่างภาครัฐและเอกชนมากนักในช่วงหลัง ๆ มานี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวและบริษัทต่าง ๆ เช่น อาลีบาบาร่วมมือกับสี จิ้นผิง ในการผลักดันความเป็นผู้นำในด้านต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ จนกระทั่งเกิดความเคลื่อนไหวที่สี จิ้นผิง ประชุมกับผู้บริหารเอกชนดังกล่าว

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าทางการมีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงจุดยืนต่อภาคเอกชนในระดับใด การแสดงการสนับสนุนของสี จิ้นผิง น่าจะช่วยกระตุ้นการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นได้อย่างแน่นอน และช่วยปลุกเร้าให้บรรดาผู้ประกอบการมีกำลังใจ แต่จะขึ้นอยู่กับว่าทางการจะดำเนินการตามนโยบายที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นหรือไม่

ผู้สังเกตการณ์จีนเพียงไม่กี่คนคาดว่ารัฐบาลจะกลับไปสู่จุดยืนก่อนปี 2020 แม้ในขณะที่รัฐบาลจีนพยายามค้ำจุนเศรษฐกิจเพื่อเตรียมรับมือกับสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นจากโดนัลด์ ทรัมป์ก็ตาม  แต่การประชุมกับสี จิ้นผิง อาจช่วยพลิกสถานการณ์ของอาลีบาบาได้อย่างมาก

โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนต่างชาติจะมองว่าการปรากฏตัวของผู้บริหารระดับสูงและบริษัทต่างๆ ในกิจกรรมระดับสูงเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของธุรกิจหรือบุคคลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน

“การประชุมระหว่างรัฐบาลระดับสูงและผู้นำด้านเทคโนโลยีครั้งนี้สามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั่วโลกว่าการปราบปรามอีกครั้งจะไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้” เวย์-เซิร์น หลิง Vey-Sern Ling กรรมการผู้จัดการของธนาคาร Union Bancaire Privee จากสวิตเซอร์แลนด์กล่าวและระบุว่า หุ้นเทคโนโลยีของจีนยังคงมีราคาถูกเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และดีปซีก ได้แสดงให้เห็นว่านวัตกรรมยังคงดำรงอยู่และดำเนินไปได้ดี การปราบปรามของรัฐบาลถือเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งที่อาจทำให้ผู้ลงทุนไม่กล้าลงทุนอย่างเต็มที่

ตามการประมาณการอย่างเป็นทางการ ภาคธุรกิจเอกชนมีส่วนสนับสนุนรายได้ภาษีจีนมากกว่า 50% ผลผลิตทางเศรษฐกิจมากกว่า 60% นวัตกรรมเทคโนโลยี 70% และการจ้างงานในเขตเมือง 80%