ฮอนด้าพร้อมฟื้นเจรจาควบกิจการ หากซีอีโอนิสสันลาออก

ภาพ รอยเตอร์

ฮอนด้าจะกลับมาเจรจาควบรวมกิจการกับนิสสันอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขหากมาโกโตะ อูชิดะ ซีอีโอนิสสันลาออก

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ฮอนด้า มอเตอร์ จะกลับมาเจรจากับนิสสัน มอเตอร์ เพื่อก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก หากมาโกโตะ อูชิดะ ซีอีโอนิสสัน ลาออก อ้างอิงรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ ซึ่งอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดเกี่ยวกับการหารือดังกล่าว

ข้อมูลจากไฟแนนเชียลไทมส์ (Financial Times) ระบุว่า ฮอนด้ายินดีที่จะฟื้นการเจรจากับซีอีโอนิสสัน ผู้ที่สามารถจัดการกับการต่อต้านจากภายในนิสสันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งโทชิฮิโระ มิเบะ ซีอีโอฮอนด้า กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บริษัทของเขาไม่มีแผนที่จะเสนอซื้อกิจการนิสสันอย่างไม่เป็นมิตร

ทั้งนี้ อูชิดะ ซีอีโอนิสสัน อยู่ภายใต้แรงกดดันในการพลิกฟื้นนิสสัน หลังจากหลายปีที่ยอดขายตกต่ำและปัญหาการบริหารงานทำให้บริษัทสูญเสียกำลังพล

แหล่งข่าวบอกกับรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ว่า การเจรจาควบรวมกิจการกับฮอนด้ายุติลงในเวลาเพียงเดือนเศษ เนื่องจากความหยิ่งทะนงของนิสสัน รวมถึงข้อเสนอของฮอนด้า ที่จะทำให้บริษัทนิสสันมีขนาดเล็กลง เหลือเพียงสถานะบริษัทย่อยในเครือ

อูชิดะ ซึ่งแสดงเจตนาที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อจนถึงปี 2026 นั้น กำลังเผชิญแรงกดดันจากสมาชิกบอร์ดบริหารบริษัท และบริษัท เรโนลต์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของนิสสัน ให้ลาออกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากการเจรจาควบรวมกิจการกับฮอนด้าล้มเหลว ซึ่งคณะกรรมการบริหารของนิสสันยังได้เริ่มหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับกำหนดการลาออกของอูชิดะด้วย

ADVERTISMENT

ขณะนี้นิสสันกำลังดำเนินการตามโปรแกรมฟื้นฟูกิจการ ซึ่งมีแผนจะลดพนักงานลง 9,000 คน และลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% โดยเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทกล่าวว่าจะให้ข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับโปรแกรมดังกล่าวภายในหนึ่งเดือน

ด้านนิสสันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ ส่วนฮอนด้าระบุว่า รายงานดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ทางบริษัทประกาศออกมา

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เมื่อคิดตามยอดขายฮอนด้า และนิสสัน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของญี่ปุ่นตามลำดับ (รองจากโตโยต้า มอเตอร์) เคยเจรจาควบรวมกิจการเพื่อก่อตั้งบริษัทมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากปัจจัยที่นิสสันไม่มีรถรุ่นไฮบริดในสหรัฐ และการแข่งขันจากเจ้าถิ่นในจีน ทำให้รายได้ของนิสสันลดลง นอกจากนี้ การออกมายอมรับถึงการเจรจาควบรวมกิจการล้มเหลวอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้นิสสันมีความไม่แน่นอนมากขึ้น และเน้นย้ำถึงแรงกดดันที่มีต่อผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่รายนี้ โดยเฉพาะจากแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่จีน ที่กำลังก้าวขึ้นมาสร้างความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์