ซูซูกิ ลั่นภายใน 6 ปี ผลิตรถ 4 ล้านคันต่อปี ในอินเดีย แซง นิสสัน

ซูซูกิ เปิดเผยแผนลงทุนระยะกลางฉบับใหม่ในอินเดีย ลงทุน 1.2 ล้านล้านเยน เวลา 6 ปี ลั่นหากสำเร็จ ยอดผลิตในอินเดียเพียงที่เดียวจะทำให้แซงยอดผลิตนิสสันทั่วโลก

นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทจะลงทุน 1.2 ล้านล้านเยน (268,000 ล้านบาท) ในอินเดีย เป็นเวลา 6 ปี เพื่อเร่งเพิ่มกำลังการผลิตและเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศในเอเชียใต้แห่งนี้ ในฐานะแหล่งส่งออกไปทั่วโลก

ตามแผนบริหารระยะกลางฉบับใหม่ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2031 โทชิฮิโระ ซูซูกิ ประธานบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ซูซูกิจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4 ล้านคันต่อปีในอินเดีย เพื่อตอบสนองความต้องการในอินเดียและขยายการส่งออก โดยใช้อินเดียเป็นฐานส่งออกเหมือนเดิม

ยอดการผลิตรถยนต์ของซูซูกิในอินเดียแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.06 ล้านคันในปี 2024 ซึ่งคิดเป็น 62.5% ของยอดการผลิตทั้งหมด และมากกว่าจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในญี่ปุ่นถึงสองเท่า หากบริษัทบรรลุเป้าหมายในการผลิต 4 ล้านคันต่อปีในอินเดีย ยอดการผลิตดังกล่าวเพียงอย่างเดียวจะเกินปริมาณการผลิตทั่วโลกของนิสสัน มอเตอร์ ซึ่งอยู่ที่ 3.14 ล้านคันในปี 2024

เป้าหมายกำไรจากการดำเนินงานของซูซูกิสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2031 คือ 800,000 ล้านเยน (ราว 1,700 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 72% จากปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2024 บริษัทซูซูกิ ซึ่งบรรลุเป้าหมายแผนงานห้าปีที่ใช้ในปัจจุบันได้ก่อนกำหนด กล่าวว่าเป้าหมายรายได้สำหรับปี 2031 คือ 8 ล้านล้านเยน (ราว 1.7 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 5.4 ล้านล้านเยน (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2024

การลงทุนของยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ในอินเดีย 1.2 ล้านล้านเยน คิดเป็น 60% ของการลงทุนทั้งหมด 2 ล้านล้านเยน (ราว 448,000 ล้านบาท) ที่วางแผนไว้สำหรับระยะเวลา 6 ปี โดยการลงทุนในอินเดียของซูซูกิจะแบ่งเป็น 550,000 ล้านเยน (ราว 123,000 ล้านบาท) สำหรับการเสริมกำลังการผลิต รวมถึงการก่อสร้างโรงงานใหม่ และบริษัทได้จัดสรร 400,000 ล้านเยน (ราว 89,000 ล้านบาท) สำหรับการเตรียมการผลิตยานยนต์ใหม่

ซูซูกิตั้งเป้าขายรถยนต์ 2.54 ล้านคันในอินเดีย ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2031 เพิ่มขึ้น 42% จากปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2024 โดยมีเป้าหมายการขายทั่วโลกที่ 4.2 ล้านคันในปี 2031 เพิ่มขึ้น 33% ในช่วงเจ็ดปีข้างหน้า