ทรัมป์ 2.0 เดินหน้ากวาดล้าง เร่งโจมตีจีนครั้งรุนแรง

โดนัลด์ ทรัมป์ ภาพโดย REUTERS/Brian Snyder
โดนัลด์ ทรัมป์ ภาพโดย REUTERS/Brian Snyder

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของคณะรัฐบาลทรัมป์ ได้เล็งเป้าไปยังจีนในหลายประเด็น ทั้งด้านการลงทุน และการค้า ซึ่งอาจส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเลวร้ายลงกว่าเดิม 

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐออกบันทึก (Memorandum) ต่อคณะกรรมาธิการสำคัญให้จำกัดการลงทุนของจีน ไม่ว่าจะเป็นในด้านเทคโนโลยี พลังงาน และภาคส่วนทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลสหรัฐยังเรียกร้องให้ทางการเม็กซิโกเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีกด้วย 

นอกจากนี้ สหรัฐยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมกับเรือบรรทุกสินค้าทุุกลำที่ผลิตขึ้นในจีน เพื่อสวนกลับอิทธิพลด้านการผลิตเรือของจีน เมื่อรวมกันแล้ว นับเป็นมาตรการกวาดล้างครั้งรุนแรงที่สุด ซึ่งอาจทำให้ข้อตกลงเพื่อลดดุลการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีความซับซ้อนกว่าเดิม 

ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มเวสเซลแวลู่ (VesselsValue) พบว่าจีนครองส่วนแบ่งการต่อเรือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดสิบปีที่ผ่านมา จนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งโลก ส่วนหนึ่งขับเคลื่อนโดยอุปสงค์ภายในจีน ซึ่งในเดือนมกราคม 2025 กองเรือสินค้าจีนมีมูลค่าอยู่ที่ 255,200 ล้านดอลลาร์ (ราว 8.553 ล้านล้านบาท) ตามด้วยญี่ปุ่นเป็นอันดับสอง 231,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.757 ล้านล้านบาท) ขณะที่สหรัฐอยู่อันดับ 4 เป็น 116,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.901 ล้านล้านบาท) 

มาร์ติน ชอร์เซมปา (Martin Chorzempa) นักวิชาการอาวุโสจาก ปีเตอร์สัน อินสติติว ฟอร์ อินเตอร์เนชันแนล อีโคโนมิกส์ อิน วอชิงตัน (Peterson Institute for International Economics in Washington) กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวไม่เป็นผลดีต่อจีน ที่หวังจะเจรจายื่นข้อเสนอการลงทุนขนาดใหญ่ในสหรัฐ ซึ่งนำมาสู่คำถามว่า สหรัฐจะเปิดให้มีการลงทุนจากจีนหรือไม่

จากข้อมูลของโรเดียม (Rhodium) บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจจากสหรัฐเผยว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 มีการลงทุนของจีนมายังอเมริกาเหนือลดลงมากกว่า 90% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) เหลือเพียง 191 ล้านดอลลาร์ (ราว 6,393 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าระดับในช่วงโควิด-19 อย่างมาก เนื่องจากภาคธุรกิจรอคอยผลการเลือกตั้งสหรัฐ

ADVERTISMENT

หลังบันทึกของทรัมป์เผยแพร่ รัฐบาลจีนออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐหยุดใช้ประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า การสอบสวนภาคธุรกิจด้วยข้ออ้างด้านความมั่นคง จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจอย่างร้ายแรง ต่อการเข้ามาลงทุนในสหรัฐของบริษัทจีน

บันทึกดังกล่าวของทรัมป์ยังระบุให้รัฐบาลสหรัฐทำการทบทวนข้อตกลงภาษีกับจีนปี 1984 ซึ่งละเว้นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน และทำการตรวจสอบบริษัท Variable Interest Entities (VIE) ซึ่งเป็นวิธีการที่บริษัทจีนตั้งบริษัทตัวแทนเพื่อเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ 

ADVERTISMENT

มาร์ติน ชอร์เซมปา ยังกล่าวอีกด้วยว่าการล้มล้างสนธิสัญญาดังกล่าว จะยิ่งสร้างความซับซ้อน และไม่แน่นอนให้แก่นักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนจะไม่รู้ว่าต้องจัดเก็บภาษีอย่างไร

ยูเอสบี กรุ๊ป (UBS Group) ระบุในโน้ตว่า การขยายมาตรการควบคุมการลงทุนในภาคเทคจีนจากเงินกองทุนบำนาญสหรัฐ และกองทุนแบบถาวรสะสม (Endowment Fund) จะส่งผลกระทบต่อบริษัทเอเชียที่มีห่วงโซ่อุปทานด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะกระทบต่อบริษัทฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอินเทอร์เน็ตหลายแห่ง 

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มมากขึ้น หลังทรัมป์เร่งผลักดันการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เมื่อการสู้ในยุโรปจบสิ้นลง รัฐบาลสหรัฐจะหันมาให้ความสนใจกับรัฐบาลจีนได้อย่างเต็มที่