
ธนาคารกลางเกาหลีลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2.75% มีแนวโน้มลดต่อในปีนี้ หลังเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับความยุ่งยากทางการเมืองในประเทศ ทั้งยังต้องเผชิญภัยคุกคามจากกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลี ย้ำว่าต้องมีนโยบายการคลังสนับสนุนควบคู่
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ธนาคารกลางเกาหลี (BOK) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง พร้อมรับปากจะลดเพิ่มเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองในประเทศ พร้อมกับภัยคุกคามจากกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)
ธนาคารกลางเกาหลีปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนระยะ 7 วัน (7-Day Repurchase Rate) ลง 25 จุดเปอร์เซ็นต์ เหลือ 2.75% ตรงตามคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์
อี ชางย็อง (Rhee Chang-yong) ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีกล่าวระหว่างแถลงข่าวสรุปผลการประชุมว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไป ทั้งนี้ อี ชางย็องกล่าวว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน 2 ใน 6 คนพร้อมลดอัตราดอกเบี้ยในอีกสามเดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางย้ำว่า จำเป็นต้องมีการใช้จ่ายภาครัฐมาช่วยพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่าไม่สามารถหวังพึ่งนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวได้ พร้อมทั้งชี้ว่านโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่สดใส อยู่ที่ 1.5%
วี กุนชอง (Wee Khoon Chong) นักยุทธศาสตร์มหภาคประจำเอเชีย-แปซิฟิกของบีเอ็นวาย (BNY) กล่าวว่า ธนาคารกลางเกาหลียังคงออกแถลงการณ์คาดการณ์อนาคตตามเดิม ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของเวลาและจังหวะที่เหมาะสม แสดงให้เห็นว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบห่าง ๆ แทนที่จะลดติด ๆ กัน
นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่สาม หลังจากเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2024 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพยายามกระตุ้นการบริโภคที่ได้รับผลกระทบจากความปั่นป่วนทางการเมือง หลังยุน ซ็อกยอล (Yoon Suk Yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อต้นเดือนธันวาคม
สุดท้ายแล้ว ยุน ซ็อกยอล ถูกสภาลงมติยื่นถอดถอน (Impeachment) ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่โดนจับกุมขณะอยู่ในตำแหน่ง ปล่อยให้เกาหลีใต้ต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากภาษีทรัมป์โดยปราศจากทิศทางที่ชัดเจน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้บริโภคมีมุมมองเชิงลบมากกว่าเชิงบวกเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน
ควอน ฮีจิน (Gweon Heejin) นักเศรษฐศาสตร์จากเคบี ซีเคียวริตี้ส์ (KB Securities) กล่าวว่า การบริโภคยังมีภาวะไม่แน่นอนสูง ภาคเอกชนไม่สามารถฟื้นตัวเองได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้จ่ายภาครัฐมาบรรเทาแนวโน้มดังกล่าว
การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้ครั้งนี้ อาจช่วยชเว ซังม็อก (Choi Sang-mok) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเกาหลีใต้ได้บ้าง ซึ่งขณะนี้รักษาการตำแหน่งประธานาธิบดี พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเร่งใช้จ่ายการคลังอย่างหนัก
พรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้เสนอร่างงบประมาณมูลค่า 35 ล้านล้านวอน (ราว 8.23 ล้านล้านบาท) เพื่อช่วยเยียวยาเศรษฐกิจ ซึ่งอีชางย็องย้ำว่า งบประมาณพิเศษไม่ควรเกิน 20 ล้านล้านวอน (ราว 4.70 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ เกาหลีใต้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หากศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาถอดถอนยุน ซ็อกยอล ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
เกาหลีใต้ยังต้องเผชิญกับกำแพงภาษี 25% จากสหรัฐ กับสินค้าชิป ยานยนต์ และเภสัชภัณฑ์ รวมถึงสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ขณะที่เกาหลีใต้พึ่งพาการค้าอย่างมาก ซึ่งการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีในเดือนมกราคมหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบปี หลังอุปสงค์จากจีนลดลง
คิม มย็องซิล (Kim Myoung-sil) นักวิเคราะห์ที่ไอเอ็ม ซีเคียวริตี้ส์ โค. (iM Securities Co.) กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงจนอยู่ที่ 2.25%