
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 3 มีนาคม เวลา 08.10 น. อัพเดตล่าสุดเวลา 13.36 น.
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งเก็บภาษีจีนเพิ่มเป็น 20 % และเตรียมเก็บภาษีจากแคนาดา เม็กซิโกในอัตรา 25 % มีผลวันเดียวกัน 4 มีนาคม ขณะที่จีนตอบโต้เรียกเก็บสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐ 10- 15 % มีผล 10 มีนาคม
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ทำเนียบขาวแจ้งว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแบบครอบคลุมเพิ่ม 2 เท่า เป็น 20 % หลังจากเก็บรอบแรก 10 % เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ โดยจะมีผลหลังเที่ยงคืน หรือ หลังเวลา 00.00 น. ในวันที่ 4 มีนาคมไม่นาน ตามเวลาสหรัฐ เนื่องจากจีนไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาการหลั่งไหลของเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติดเข้าสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ จีนได้ตอบโต้การเรียกเก็บภาษี 10 % รอบแรกแบบจำกัดโดยเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐในบางรายการ ในอัตรา 10-15 %
ภาษีใหม่หลายรายการอาจช่วยเพิ่มรายได้ให้สหรัฐ เพื่อนำไปชดเชยการลดหย่อนภาษีในประเทศได้บางส่วนตามที่ทรัมป์ต้องการ และอย่างน้อยก็ยุติทฤษฎีที่ว่าการขู่ของทรัมป์เป็นเพียงการหลอกลวงเพื่อใช้เป็นอำนาจต่อรองในการเจรจา อย่างน้อยก็ในตอนนี้
จีนตอบโต้เก็บ 10-15 %
ภายหลังจากที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีจีนเป็น 20 % ในไม่กี่ชั่วโมง จีนใช้มาตรการตอบโต้เรียกเก็บภาษีสินค้าเกษตรสหรัฐ 10-15 % และแบนการส่งออกสินค้าจากบริษัทอาวุธสหรัฐหลายแห่ง จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มีนาคม ยิ่งทำให้สงครามการค้าทวีความรุนแรงระหว่างมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 และ 2 ของโลก
ตามประกาศของกระทรวงการคลังจีน กลุ่มสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 15 % ได้แก่ ไก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด และฝ้าย ส่วนกลุ่มสินค้าเก็บ 10% ได้แก่ ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว สินค้าประมง ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นม
อย่างไรก็ตาม จีนจะไม่เพิ่มภาษีสำหรับสินค้าที่จัดส่งจากจุดหมายปลายทางก่อนวันที่ 10 มีนาคม และนำเข้ามายังจีนระหว่างวันที่ 10 มีนาคมถึง 12 เมษายนนี้
ลินน์ ซอง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนแผ่นดินใหญ่ที่ ING Bank มองว่า การตอบโต้ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าจีนยังคงอดทนแม้ว่าสถานการณ์จะตึงเครียดขึ้น
กระทรวงการคลังจีนระบุในแถลงการณ์ว่า การขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวของสหรัฐจะสร้างความเสียหายต่อระบบการค้าพหุภาคี เพิ่มภาระให้กับบริษัทและผู้บริโภคของสหรัฐ และทำลายรากฐานความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
ในช่วงสงครามการค้ารอบแรกทรัมป์ 1.0 รัฐบาลจีนได้กำหนดภาษีศุลกากรผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญของสหรัฐ ในปริมาณมหาศาล ส่งผลให้ยอดขายถั่วเหลืองของสหรัฐไปยังจีนลดลงเกือบ 80% ในช่วงเวลาสองปี นับแต่นั้นมา จีนก็ได้ซื้อถั่วเหลืองจากบราซิลมากขึ้น
นอกจากนี้ จีนได้เพิ่มบริษัทสหรัฐ 10 แห่งลงในรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และ 15 แห่งอยู่ในรายชื่อควบคุมการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์จีนจะเพิ่มบริษัทด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐ 10 แห่ง รวมถึง TCM และ S3 Aero Defense และ TEXO เข้าไปในลิตส์บริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ และห้ามการนำเข้าและส่งออกจากจีน รวมถึงการลงทุนใหม่ในจีน และยังเพิ่มบริษัท 15 แห่งอยู่ในลิสต์ที่ต้องควบคุมการส่งออก รวมถึงบริษัทด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐอย่าง Leidos และ Gibbs & Cox ถูกห้ามการส่งออกวัสดุที่ใช้ได้สองทาง (วัสดุที่สามารถใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหาร) อาทิ เช่น แร่สำคัญหลายชนิด รวมถึงบริษัท Illumina ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์พันธุกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยห้ามการส่งออกเครื่องเรียงลำดับยีนไปยังจีน
ไม่เลื่อนแล้วภาษีแคนาดา-เม็กซิโก
นอกจากนี้ ทรัมป์ กล่าวว่า จะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเพิ่มตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมนี้ หลังจากลงนามในคำสั่ง ซึ่งการเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโกใช้ในในอัตรา 25 % แต่ในส่วนสินค้าพลังงานจากแคนาดาเก็บ 10 % ถือเป็นการโจมตีคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 2 รายของสหรัฐอย่างชัดเจน และเน้นย้ำถึงความพยายามของสหรัฐในพลิกระเบียบการค้าโลก
การยืนยันเตรียมเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโกตามกำหนด 4 มีนาคมนี้ เกิดขึ้นภายหลังการบังคับใช้ภาษีนำเข้าจากสองประเทศเพื่อนบ้านถูกเลื่อนไปชั่วคราว เพราะตกลงกับทรัมป์ได้ว่าจะดำเนินมาตรการความปลอดภัยชายแดนที่เข้มงวดขึ้น กระทั่งล่าสุด ทรัมป์เดินหน้าเตรียมเก็บภาษี โดยให้เหตุผลว่า การหลั่งไหลของเฟนทานิลมายังสหรัฐยังสูงและไม่สามารถยอมรับได้
ตามผลการศึกษาวิจัยล่าสุดของแอนเดอร์สัน อีโคโนมิกส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะระบุว่า ภาษีนำเข้าสินค้าที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากแคนาดาและเม็กซิโกอาจทำให้ราคารถยนต์ของสหรัฐพุ่งสูงขึ้นถึง 12,000 ดอลลาร์ (ราว 480,000 บาท) เนื่องจากบริษัทผลิตรถยนต์มีแนวโน้มที่จะโยนภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้ให้ผู้บริโภค
ในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบอม ผู้นำเม็กซิโก กล่าวว่า รัฐบาลเม็กซิโกจะรอการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของทรัมป์ก่อน จึงจะใช้มาตรการตอบโต้ตามมา
แคนาดามีแผนตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเช่นกัน แผนการตอบโต้ที่เปิดเผยโดยจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนที่แล้ว ประกอบด้วยการจัดเก็บภาษีทันทีกับสินค้ามูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 700,000 ล้านบาท) จากผู้ส่งออกของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงน้ำส้ม เนยถั่ว และกาแฟ และยังรวมถึงการจัดเก็บภาษีรอบที่สองในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้ากับสินค้ามูลค่าราว 8.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.9 ล้านล้านบาท) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ รถบรรทุก เหล็กกล้า และอะลูมิเนียม