สหรัฐยอมรับ เสนอรับอุยกูร์จริง ติดต่อไทยหลายครั้งเพื่อเลี่ยงส่งไปจีน

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยอมรับกับวีโอเอว่า ได้ติดต่อประสานงานกับไทยหลายครั้งเพื่อเลี่ยงการส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีน ซึ่งรวมถึงการเสนอรับตัวไปยังสหรัฐ

เว็บไซต์วอยซ์ออฟอเมริกา  (VOA) ภาคภาษาไทย สื่อภายใต้หน่วยงานราชการของสหรัฐ U.S. Agency for Global Media เผยแพร่รายงานพิเศษระบุว่า ทีมโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐให้ข้อมูลในวันพุธที่ 5 มีนาคม 2025 หลังรัฐบาลไทยส่งชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตกลับไปยังจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในเวลาต่อมาสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ามีอย่างน้อยสามประเทศที่เสนอขอรับตัวไป แต่ทางการไทยยังตัดสินใจทำตามคำร้องขอส่งตัวของรัฐบาลจีน เนื่องจากกังวลต่อผลกระทบที่อาจจะตามมา

ทีมโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า เราร่วมงานกับไทยมาหลายปีเพื่อเลี่ยงสถานการณ์นี้ รวมถึงการเสนออย่างสม่ำเสมอและซ้ำไปซ้ำมาเรื่องการให้ชาวอุยกูร์ไปตั้งรกรากในประเทศอื่น ซึ่ง ณ จุดหนึ่งรวมถึงสหรัฐ

กระทรวงต่างประเทศยังได้เน้นย้ำการประณามอย่างรุนแรงที่สุดจากสหรัฐกรณีการส่งตัวที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ทางการจีนเปิดข้อมูลให้ตรวจสอบสวัสดิภาพของชาวอุยกูร์ชุดล่าสุดที่ส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกลุ่มที่ไทยส่งกลับไปเมื่อปี 2015 ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถสืบทราบชะตากรรมได้

ย้อนไปเมื่อเช้ามืด 27 กุมภาพันธ์ ตามเวลาท้องถิ่น รถผู้ต้องขังที่ปิดหน้าต่างทึบ นำคนกลุ่มหนึ่งออกจากสถานกักตัวคนต่างด้าว ซอยสวนพลู กรุงเทพฯ ซึ่งในวันเดียวกัน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้ยืนยันว่าเป็นกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ส่งตัวกลับไปยังเขตปกครองตนเองซินเจียง

ค่ำวันเดียวกัน ตัวแทนรัฐบาลไทยแถลงข่าวอธิบายว่าได้ส่งคนกลุ่มดังกล่าวกลับตามคำร้องขออย่างเป็นทางการของจีน โดยผู้ถูกส่งกลับมีความสมัครใจ รัฐบาลกรุงปักกิ่งยืนยันที่จะดูแลคนกลุ่มดังกล่าว และจากนี้ไทยจะติดตามตรวจสอบสวัสดิภาพของผู้ถูกส่งกลับต่อไป

ADVERTISMENT

ในรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ช่วงสิบปีที่ผ่านมา สหรัฐ แคนาดา และออสเตรเลีย เคยเสนอตัวรับชาวอุยกูร์ทั้งหมด 48 คนที่ถูกกักตัวในไทย อ้างอิงตามแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากเป็นประเด็นที่อ่อนไหว

ขณะที่นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เข้าชี้แจงกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม ระบุว่า ที่ไทยตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ให้จีนแม้มีบางประเทศพร้อมรับตัวไป เนื่องจากเห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะแม้หากประเทศที่สามยินดีจะรับ ก็ควรต้องไปหารือเจรจากับจีนให้ประสานตัวส่งไปประเทศที่สามด้วย

ADVERTISMENT

ผู้ช่วย รมต.กระทรวงต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ทางการจีนพร้อมให้ติดตามสวัสดิภาพกลุ่มคนดังกล่าว และกระทรวงต่างประเทศจะรับไปหารือเรื่องการเชิญผู้แทนจากสำนักจุฬาราชมนตรี ไปติดตามชาวอุยกูร์ภายหลังการส่งตัวด้วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 5 มีนาคม นายรัศม์ระบุว่า ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่แค่มีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่เท่านั้น หากแต่อยู่ที่ประเทศไทยมีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด หลังมีรายงานข่าวของรอยเตอร์ข้างต้น

ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช โพสต์เฟซบุ๊กในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการความมั่นคงได้ซักถามนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในที่ประชุม กมธ.

ระบุว่า นายรัศม์ยืนยันว่าข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนแล้วเขาจะปลอดภัยหรือไม่ เพื่อให้ตรงตามหลัก non-refoulement หรือห้ามส่งตัวคนกลับไปเผชิญอันตราย ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ห้ามละเมิดในเวทีระหว่างประเทศ และนายรัศม์ยืนยันว่าต้องเชื่อจีน ที่รับรองอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าชาวอุยกูร์จะปลอดภัย เนื่องจากจีนเป็นมหาอำนาจ จะต้องรักษาคำพูด ส่วนกรณีการส่งตัว 10 ปีที่แล้ว ไม่อยู่ในอำนาจของรัฐบาลนี้ และจีนก็ไม่ได้รับรองความปลอดภัยเหมือนครั้งนี้

ต่อเรื่องนี้ นางสาวพรรณิการ์โต้แย้งว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนรัฐบาลประยุทธ์ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน รองโฆษกสำนักนายกไทย ก็แถลงแบบเดียวกันกับที่นายภูมิธรรมและนายรัศม์พูด คือรัฐบาลไทยได้รับคำยืนยันจากจีนว่าชาวอุยกูร์จะได้รับความเป็นธรรม ปลอดภัย และไทยสามารถส่งผู้แทนมาตรวจเยี่ยมที่จีนได้ แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีชะตากรรมอย่างไร

นอกจากนี้ การยืนยันว่าเราต้องเชื่อจีนเพราะจีนรับรอง จีนเป็นชาติมหาอำนาจไม่ผิดคำพูด แปลว่าเราจะไม่เชื่อรายงานของข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในปี 2022 และไม่เชื่อแถลงการณ์ร่วมของชาติสมาชิกสหประชาชาติ 51 ประเทศต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติปี 2023 ที่ระบุว่ารัฐบาลจีนอาจกำลังกระทำการเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่อชาวอุยกูร์ ใช่หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้พรรณิการ์กล่าวว่า ตนไม่ได้รับคำตอบจากนายรัศม์