จีนจัดงบฯ “ขาดดุล” สูงทุบสถิติ รับมือ “ภาษีโหด” จาก “ทรัมป์”

Budget deficit
A Chinese national flag flies, ahead of the opening of the National People's Congress (NPC), in Shanghai, China, February 28, 2025. REUTERS/Go Nakamura
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

ยังคงเดินหน้าอย่างดุเดือดสำหรับประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา ผู้ที่เรียกตัวเองว่า Mr.Tariff เพราะเขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า “ภาษีศุลกากร” (Tariff) คืออาวุธเด็ดที่จะทำให้อเมริกา “ยิ่งใหญ่อีกครั้ง” แม้บรรดานักเศรษฐศาสตร์จะเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า แท้จริงแล้วคนจ่ายภาษีตัวจริงคือคนอเมริกัน เพราะจะเป็นผู้รับภาระจ่ายค่าสินค้าที่สูงขึ้น

ล่าสุดวันที่ 4 มีนาคม ทรัมป์ได้ประกาศเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจากจีนอีก 10% เมื่อรวมกับรอบแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่เก็บไปแล้ว 10% เท่ากับว่าจีนถูกเก็บภาษีเพิ่มอีกรวม 20%

การประกาศเก็บภาษีศุลกากรรอบที่สองเกิดขึ้นในวันที่ 4 มีนาคม เป็นวันเดียวกับที่จีนจัดประชุม “สองสภา” ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญประจำปี โดยวันแรกเริ่มด้วยการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมือง (CPPCC) จากนั้นวันที่ 5 มีนาคมเป็นต้นไป เป็นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งจะดำเนินไปตลอดสัปดาห์ แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวใด ๆ จากที่ประชุมจีนย่อมได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยเฉพาะปีนี้อาจจะมากเป็นพิเศษ เพราะความดุเดือดจากโดนัลด์ ทรัมป์ นั่นเอง

ตามรายงานของสื่อจีนระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้เปิดประชุมสภาฯ โดย “แผนการทำงาน” ที่รัฐบาลจีนเสนอต่อสภาประชาชนแห่งชาติ กำหนดจัดทำงบประมาณของปี 2025 แบบ “ขาดดุล” ประมาณ 4% ของจีดีพี หรือขาดดุลเพิ่มขึ้น 1% จากปี 2024 ซึ่งเป็นระดับขาดดุลที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยรัฐบาลให้เหตุผลว่า ในปีนี้ (2025) ควรใช้นโยบายการคลัง “เชิงรุก” และขณะเดียวกันควรใช้นโยบายการเงินที่ “เอื้ออำนวยอย่างเหมาะสม” พร้อมกันนี้ ตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจไว้ที่ 5% เท่ากับปีก่อนหน้า

Opening session of the National People's Congress (NPC) in Beijing
Chinese President Xi Jinping applauds as Premier Li Qiang (not pictured) delivers a speech on the day of the opening session of the National People’s Congress (NPC), at the Great Hall of the People, in Beijing, China March 5, 2025. REUTERS/Tingshu Wang

นอกจากนี้ จะมีการออกพันธบัตร “ระยะยาวพิเศษ” มูลค่า 1.3 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3 แสนล้านหยวน และ “พันธบัตรพิเศษ” 5 แสนล้านหยวน เพื่อช่วยเติมทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ

เทียน หยุน นักเศรษฐศาสตร์ในปักกิ่งชี้ว่า เป็นครั้งแรกที่จีนจัดทำงบประมาณขาดดุลมากถึง 4% ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณหลายอย่างจากฝ่ายกำหนดนโยบายของจีน ว่าได้เพิ่มความพยายามมากขึ้นเพื่อฝ่าฟันความท้าทายหลายอย่าง และเพิ่มการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายด้านการคลังจะมีบทบาทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมทั้งบ่งบอกว่าการใช้จ่ายทางการคลังในปีนี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

ADVERTISMENT

ระดับการขาดดุลดังกล่าวเมื่อคิดออกมาเป็นตัวเงินจะอยู่ที่ 5.66 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.6 ล้านล้านหยวน โดยที่คาดการณ์ว่ามูลค่าจีดีพีของจีนปี 2025 จะอยู่ที่ 141.5 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 6.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง เพราะเทียบเท่ากับขนาดเศรษฐกิจทั้งปีของประเทศขนาดกลาง

หยู เมี่ยวเจีย หนึ่งในผู้แทนของสภาประชาชนแห่งชาติจีนกล่าวว่า ก่อนการตัดสินใจจัดทำงบประมาณขาดดุลที่ 4% ได้คำนึงถึงอัตราการขาดดุลงบประมาณของประเทศใหญ่ ๆ ที่พัฒนาแล้ว รวมถึงประเทศกำลังพัฒนา ที่จะเห็นว่าขาดดุลเกิน 4% มาไว้ในการพิจารณาด้วยแล้ว

ADVERTISMENT

ในส่วนของการออกพันธบัตรระยะยาวพิเศษที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น นักวิเคราะห์เชื่อว่าส่วนหนึ่งจะถูกนำไปใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และอัพเกรดอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

ในปี 2020 กระทรวงการคลังของจีนได้เพิ่มการขาดดุลงบประมาณไปอยู่ที่ระดับสูงกว่า 3.6% และรัฐบาลกลางได้ออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน และรัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรพิเศษอีก 1.6 ล้านล้านหยวน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ด้าน “เฉิน ตันหยาง” หัวหน้าทีมจัดทำรายงาน “แผนการทำงานของรัฐบาล” แถลงต่อสื่อมวลชน โดยแสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโต 5% ได้ตามเป้าหมาย เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และแนวโน้มของพัฒนาการในปัจจุบัน การกำหนดเป้าหมายดังกล่าวผ่านการศึกษาวิเคราะห์อย่างเพียงพอและมีเหตุผล คำนึงถึงปัจจัยทั้งภายในและนอกประเทศอย่างถ้วนถี่แล้ว

เฉินระบุว่า ปีที่แล้ว (2024) เศรษฐกิจจีนเติบโต 5% ทำให้ขนาดของจีดีพีเกิน 130 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก ส่วนปีนี้ก็มีนิมิตหมายที่ดี เพราะตั้งแต่ต้นปีภาคเทคโนโลยี นำโดยปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมก็ขยายตัวดี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่วนราคาสินทรัพย์ก็แสดงให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวอย่างมั่นคง ความมั่นใจภาคธุรกิจดีขึ้น ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ตลอดเดือนกุมภาพันธ์สามารถรักษาเติบโตได้ ทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นแรงส่งที่แข็งแกร่ง

“หลี่ เฉียง” นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ว่ารัฐบาลจะเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีน โดยพร้อมจะเปิดกว้างในภาคบริการมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติจะได้รับการบริการและการสนับสนุนดีกว่าเดิม ความพยายามเหล่านี้จะทำให้จีนเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน

ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาจะดำเนินต่อไปอีกยาวนานเท่าใด การตอบโต้กันไปมาแบบตาต่อตาฟันต่อฟันจะดำเนินไปอีกกี่ยก ทั้งนี้ หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีรอบใหม่กับจีนอีก 10% จีนได้ประกาศตอบโต้ด้วยภาษี 15% ต่อสินค้าบางอย่างจากสหรัฐ และจำกัดการส่งออกให้กับบริษัทอเมริกัน 15 แห่ง และเพิ่มรายชื่อบริษัทอเมริกันที่ไม่น่าเชื่อถือ 10 แห่ง ซึ่งหมายถึงจะทำให้บริษัทเหล่านี้มีขีดความสามารถอย่างจำกัดในการทำธุรกิจในจีน

นอกจากทรัมป์จะประกาศเก็บภาษีเพิ่มจากจีนเป็นรอบที่สองในวันที่ 4 มีนาคมแล้ว ยังเดินหน้าประกาศเก็บภาษีสินค้าเกือบทุกอย่างจากเพื่อนบ้านอย่างแคนาดาและเม็กซิโก 25% อีกด้วย จากเดิมที่เคยผ่อนผันให้ 1 เดือน ซึ่งทำให้แคนาดาประกาศเก็บภาษีตอบโต้ในทันทีด้วยอัตราเดียวกันคือ 25%

เอ็นบีซีรายงานว่า การที่ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับจีน เม็กซิโก และแคนาดา ไม่ส่งผลดีต่อสหรัฐ เนื่องจากอเมริกานำเข้าสินค้าจากทั้ง 3 ประเทศมากกว่า 40% ของการนำเข้าทั้งหมด นอกจากนั้น ทั้ง 3 ประเทศยังเป็นตลาดส่งออกใหญ่ 3 อันดับแรกสำหรับสินค้าสหรัฐ