
ผู้บริโภคชาวอเมริกันมองเศรษฐกิจในแง่ร้ายเพิ่มขึ้น แต่คาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวยังเท่าเดิมจากการสำรวจครั้งก่อนในเดือนมกราคม บ่งชี้ว่ามาตรการภาษีของทรัมป์ยังไม่น่ากังวล
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า จากแบบสำรวจความคาดหวังประจำเดือน (Survey of Consumer Expectations) ของเฟดสาขานิวยอร์ก พบว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันคาดว่าจะเกิดภาวะเงินเฟ้อในระยะสั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 3% ในเดือนมกราคม เป็น 3.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาว 3-5 ปียังคงที่อยู่ 3%
อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectation) เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการดำเนินนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ไม่ว่าจะเป็นมาตรการล้างบางผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และตั้งกำแพงภาษีแก่ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา ที่ล้วนแล้วแต่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว และสร้างแรงกดดันด้านราคา ด้านเจ้าหน้าที่กล่าวว่า สามารถมองข้ามเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นได้ หากกำแพงภาษีทำให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะยาวคงที่
ชาวอเมริกันที่ตอบแบบสำรวจมองว่า ราคาก๊าซ อาหาร บริการทางการแพทย์ และค่าเช่าที่อยู่อาศัยจะแพงขึ้น และผู้บริโภคพากันระมัดระวังการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เฟดสาขานิวยอร์กระบุในแถลงการณ์ว่า ครัวเรือนพากันแสดงมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์ด้านการเงินต่อจากนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่อัตราการว่างงาน การผิดนัดชำระหนี้ และอัตราการเข้าถึงสินเชื่อเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัด
โดย 27.4% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดว่าสถานการณ์ทางการเงินจะเลวร้ายลงในปีนี้ มากสุดในรอบ 15 เดือน และ 14.6% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าตัวเองจะผิดนัดชำระหนี้ขั้นต่ำในอีก 3 เดือนข้างหน้า สูงสุดนับตั้งแต่เมษายน 2020
ขณะที่ผลสำรวจแรงงาน แสดงให้เห็นว่าแรงงานมีความน่าจะเป็นที่จะออกจากงานโดยเฉลี่ยร่วงลงเหลือ 17.6% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 แสดงให้เห็นว่าผู้คนกล้าออกจากงานน้อยลง ที่สำคัญคือ โอกาสที่จะหางานได้ภายในสามเดือนหลังจากตกงานก็ลดลงเช่นกัน โดยยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 12 เดือน
ความน่าจะเป็นที่อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้าขยับขึ้นมาอยู่ที่ 39.4% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 โดยเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุ ระดับการศึกษา และกลุ่มรายได้
นอกเหนือจากตลาดแรงงานแล้ว รายงานยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า การเติบโตของตลาดหุ้นที่ผู้บริโภคคาดหวังยังต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 อีกด้วย