ตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงต่อเนื่อง นักลงทุนกังวลกำแพงภาษี ดัชนีดิ่ง 10% จาก ก.พ.

Cheap_Thai_stocks

ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันที่ 11 มีนาคม โดยนักลงทุนได้เทขายหุ้นมากที่สุดในรอบหลายเดือน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภัยคุกคามจากภาษี ที่ขณะนี้สหรัฐและอีกหลายประเทศนำมาใช้เป็นเครื่องมือเล่นงานและตอบโต้ทางการค้าระหว่างกัน ที่คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจโลกผันผวนหนัก

ดัชนี S&P 500 ร่วงลงต่ำสุดมาอยู่ที่ 5,528.41 จุด หรือลดลง 10% จากระดับที่เคยปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,144.15 จุด เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ โดยมีการระบุว่าเป็นการปรับฐานตลาด หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาจะเพิ่มภาษีศุลกากรกับแคนาดเป็น 2 เท่า หรือ 50% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในไม่กี่ชั่วโมงสำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากแคนาดา

ภัยคุกคามด้านภาษีดังกล่าวทำให้บรรดานักลงทุนรู้สึกไม่สบายใจต่อนโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นกับแคนาดา เม็กซิโก และจีน ว่าอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวหรือเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม ดัชนี S&P 500 ตกลงในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม โดยมูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และหายไปถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์จากมูลค่าสูงสุดของตลาดครั้งล่าสุด

ทั้งนี้ ดัชนี S&P ลดลงมากกว่า 3.4% ในช่วงสองรอบการซื้อขายที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ขณะที่ดัชนี Nasdaq ซึ่งเน้นไปที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลักก็มีการปรับฐานโดยลดลง 10% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เคน โพลคารี หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดจาก SlateStone Wealth ในเมืองจูปิเตอร์ รัฐฟลอริดา กล่าวว่า มันสร้างความวิตกกังวลและความตื่นตกใจในตลาด คุณจะได้เห็นการตอบสนองแบบ “ยิงก่อน ถามทีหลัง” นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ADVERTISMENT

ต่อมาตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่สหรัฐตกลงที่จะกลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครน ทันทีหลังจากจบการเจรจาในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งยูเครนได้แสดงความพร้อมที่จะยอมรับข้อเสนอของสหรัฐที่จะยุติการยิงในความขัดแย้งกับรัสเซียเป็นเวลา 30 วัน ที่มีการระบุผ่านแถลงการณ์ร่วมของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ มุขมนตรีออนแทรีโอระบุเพิ่มเติมว่า เขาได้ระงับการเก็บภาษีนำเข้าไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังมิชิแกน นิวยอร์ก และมินนิโซตาในอัตรา 25% ซึ่งเป็นมาตรการตอบโต้ทางการค้ากับการที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาแล้ว

ADVERTISMENT

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,433.48 จุด ลดลง 478.23 จุด หรือ 1.14% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,572.07 จุด ลดลง 42.49 จุด หรือ 0.76% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,436.10 จุด ลดลง 32.23 จุด หรือ 0.18%

ตลาดโลกผันผวนตั้งแต่ทรัมป์จุดชนวนให้เกิดการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากับคู่ค้ารายใหญ่ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจกำลังชะลอตัวลง

ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธจะแสดงให้เห็นว่ามีความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อหรือไม่ ขณะเดียวกัน รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า มีจำนวนการงานว่างเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม

กลุ่มธุรกิจหลัก 11 กลุ่มใน S&P ต่างก็มีผลประกอบการที่ลดลง แม้ว่ากลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจที่มีผลงานแย่ที่สุดในปีนี้จะมีผลประกอบการที่ลดลงน้อยที่สุดก็ตามที

ความไม่แน่นอนของภาษีศุลกากรยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเช่นกัน โดยผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ ได้แสดงความกังวลมากขึ้นและเริ่มเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผลประกอบการในอนาคต