
‘ทรัมป์’ ไม่ยอม ขู่ขึ้นภาษีอีก หลังเจอยุโรป-แคนาดาโต้กลับ ขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ ย้ำไม่มีแนวคิดที่จะถอยจากการทำสงครามการค้า
สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐขู่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2025 ว่าจะขยายการทำสงครามการค้าโลกอีก ด้วยการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มแก่สินค้าที่นำเข้าจากยุโรป หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปตอบโต้การเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐจากทุกประเทศ 25% ด้วยการเก็บภาษีต่างตอบแทนกับสินค้าสหรัฐคิดเป็น 26,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 947,618 ล้านบาทตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป
นอกจากสหภาพยุโรปแล้ว แคนาดายังออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการประกาศเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 25% แก่เหล็กและสินค้าต่าง ๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา และอื่น ๆ มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 675,322 ล้านบาท นายโดมินิก เลอบลังค์ รัฐมนตรีคลังแคนาดากล่าวว่า เราจะไม่ยืนเฉย ๆ และปล่อยให้อุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของเราถูกพุ่งเป้าเล่นงานอย่างไม่เป็นธรรม ส่วนธนาคารกลางแคนาดาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อเตรียมรับมือกับการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ
ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวสหรัฐว่า เขาจะตอบโต้กับมาตรการตอบโต้ดังกล่าวจากทั้งแคนาดาและยุโรปอย่างแน่นอน โดยย้ำคำขู่ของการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้แก่ทุกประเทศทั่วโลกว่า ไม่ว่าพวกเขาจะคิดภาษีเราเท่าไหร่ เราจะคิดภาษีกลับไปเท่านั้น
ทรัมป์กล่าวอีกว่า เขาไม่มีแนวคิดที่จะถอยจากการทำสงครามการค้าของเขา และเขาไม่พอใจกับนโยบายการค้าของสหภาพยุโรป (อียู) และแสดงความกังวลเกี่ยวกับบทลงโทษทางกฎหมายของอียูที่มีผลกับบริษัท แอปเปิล และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์จากฟาร์มและรถยนต์ของสหรัฐเสียเปรียบ ทรัมป์ย้ำคำขู่ว่าจะขึ้นภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากยุโรป โดยบอกอีกว่า “เราจะชนะการแข่งขันทางการเงินนี้”
ด้านประเทศอื่น ๆ ที่เป็นผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ไปยังสหรัฐ อาทิ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เม็กซิโก และบราซิลยังไม่ได้ประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐในตอนนี้ นายมาร์ก คาร์นีย์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดากล่าวว่าเขาพร้อมที่จะเจรจาต่ออายุข้อตกลงการค้ากับทรัมป์ ตราบใดที่ยังมีการเคารพอำนาจอธิปไตยของแคนาดา
ส่วนนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวถึงการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าต่าง ๆ จากสหรัฐ อาทิ เรือ รถมอเตอร์ไซค์ เพชร และเบอร์เบิน จากสหรัฐที่จะมีผลในวันที่ 1 เมษายนนี้ว่า การตอบโต้ดังกล่าวมีจุดประสงค์ให้ต้องหนักแน่น แต่สมน้ำสมเนื้อ แต่อียูพร้อมที่จะมีการเจรจากับสหรัฐ ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่าภาษีศุลกากรก็คือภาษีซึ่งแย่ต่อธุรกิจต่าง ๆ แต่ส่งผลเสียมากขึ้นกับผู้บริโภค ไม่มีใครต้องการเช่นนั้นทั้งทางฝั่งอียูและสหรัฐเอง