
โกลด์แมน แซ็กส์ หั่นคาดการณ์ราคาน้ำมัน เหตุสงครามการค้ารุนแรงขึ้น ร่วมกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า โกลด์แมน แซ็กส์ (Goldman Sachs) ปรับลดประมาณการราคาน้ำมันลง เนื่องจากกำแพงภาษีจะลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) จะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในเดือนมกราคม เนื่องจากอุทานน้ำมันมีเหลือเฟือ ขณะที่อุปสงค์น้ำมันจากจีนชะลอตัว ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยกระดับขึ้น
นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซ็กส์ ระบุในบันทึกว่า ราคาน้ำมันที่ร่วงลงกว่า 10 ดอลลาร์ (ราว 336 บาท) ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบจากระดับสูงสุดในเดือนมกราคม มากกว่าที่โกลด์แมน แซ็กส์ประมาณการไว้ในกรณีฐาน (Basic Case) และได้ทำการปรับลดประมาณการราคาน้ำมันดิบเบรนต์ (Brent) ในเดือนธันวาคม 2025 ลง 5 ดอลลาร์ (ราว 168 บาท) เป็น 71 ดอลลาร์ (ราว 2,387 บาท) ขณะที่ความเสี่ยงระยะปานกลางยังคงอยู่ในเชิงลบ เนื่องจากสงครามการค้าอาจยกระดับเพิ่มขึ้น และกลุ่มโอเปกพลัสอาจเพิ่มการผลิตยาวนานกว่าเดิม
ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกบางแห่งเริ่มแสดงมุมมองเชิงลบมากขึ้น วิทอล กรุ๊ป (Vitol Group) และกันวอร์ กรุ๊ป (Gunvor Group) ประมาณการว่าอุปทานน้ำมันล้นเกิน ขณะที่องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ออกประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าอุปสงค์น้ำมันถูกเซาะกร่อนลงจากผลกระทบของสงครามการค้า และการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งคาดว่าจะมีอุปทานน้ำมันล้นเกิน 600,000 ล้านบาร์เรลปีนี้ คิดเป็นประมาณ 0.6% ของการบริโภคน้ำมันโลกต่อวัน
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซ็กส์ ระบุว่า ราคาจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในอีกหลายเดือนต่อจากนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงยืดหยุ่น และมาตรการคว่ำบาตรของทางสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มว่าจะทุเลา ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่
อุปสงค์น้ำมันจะอยู่ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนมกราคม 2026 น้อยลง 18% จากประมาณการครั้งก่อน ส่วนราคาน้ำมันเบรนต์จะอยู่ที่ระยะ 65 ดอลลาร์ (ราว 2,186 บาท) ต่อบาร์เรล ถึง 80 ดอลลาร์ (ราว 2,691 บาท) ต่อบาร์เรล และมีราคาเฉลี่ยทั้งปีที่ 68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ราว 2,287 บาท)