
“คิดไม่ถึงจริง ๆ” เสียงของเจ้าหน้าที่ เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดการประมูลที่เกิดขึ้นได้ยากเพื่อชดเชยข้าวที่ขาดแคลน ระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการประมูลที่หาได้ยากและถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในญี่ปุ่น เพราะรัฐบาลกำลังขายข้าว 165,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 2 พันล้านชาม จากคลังข้าวฉุกเฉิน เพื่อทดแทนข้าว 200,000 ตัน ที่สื่อญี่ปุ่นบางแห่งระบุว่าหายไป
ข้าวเป็นอาหารหลักของประเทศ แต่ขณะนี้ญี่ปุ่นมีข้าวไม่พอ การขาดแคลนข้าวทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตต้องจำกัดการซื้อ และราคาที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ร้านอาหารต้องขึ้นราคาอาหารประจำวัน สถานการณ์เลวร้ายลงจนเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลต้องใช้ข้าวในสต๊อกฉุกเฉินเพื่อพยายามลดราคาข้าว
“มีบางสิ่งที่คาดไม่ถึงจริง ๆ กำลังเกิดขึ้น ดังนั้นเราต้องทำให้สถานการณ์ผิดปกติในปัจจุบันกลับคืนสู่ภาวะปกติ” ทาคุ เอโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว โดยอ้างถึงวิกฤตและการประมูลสามวันซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันพุธที่ 12 มีนาคม
ข้าวขาดแคลนเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ไม่มีใครรู้” ชูจิ ฮิซาโนะ ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยเกียวโต กล่าว
ข้าวเริ่มขาดแคลนในญี่ปุ่นเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความร้อนในช่วงฤดูร้อนปี 2023 ที่ทำให้การเก็บเกี่ยวได้รับผลกระทบ และคำเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งทำให้เกิดการซื้อตุน
ญี่ปุ่นยังจำกัดการผลิตข้าวอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาราคาให้สูงและช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวในประเทศ ซึ่งหมายความว่าการหยุดชะงักเล็กน้อยในห่วงโซ่อุปทานอาจส่งผลกระทบใหญ่ที่ไม่ได้สัดส่วนกัน
ข้าวสารถุงน้ำหนัก 11 ปอนด์ (ราว 5 กิโลกรัม) มีราคาเกือบ 4,000 เยน (ราว 900 บาท) เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากราคาเมื่อปี 2024 ซึ่งเมื่อราคาข้าวเริ่มสูงขึ้นในปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่เตือนไม่ให้ตระหนกแห่ซื้อข้าวเพราะการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นจะช่วยเติมสต๊อกให้เต็มและทำให้ราคาลดลง
และทั้ง ๆ ที่การเก็บเกี่ยวจะทำให้ข้าวมีปริมาณมากกว่าผลผลิตของปีก่อน แต่ผู้จัดจำหน่ายของญี่ปุ่นกลับมีข้าวที่จะขายน้อยลงในปี 2024
ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและนอกรัฐบาลได้เสนอแนวทางคำตอบและบอกว่าคือคำตอบที่ดี ศาสตราจารย์ฮิซาโนะกล่าวว่าการติดตามการจำหน่ายข้าวในญี่ปุ่นทำได้ยากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทำให้เกษตรกรมีช่องทางขายข้าวมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่านผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่แบบดั้งเดิม แนวโน้มดังกล่าวบวกกับข้อจำกัดที่เข้มงวดในการผลิตข้าว หมายความว่าแม้อุปทานและอุปสงค์จะผันผวนเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการซื้อเก็งกำไรและการกักตุนได้แล้ว
มาซายูกิ โอกาวะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์การเกษตร มหาวิทยาลัยอุตสึโนมิยะ กล่าวว่า นักเก็งกำไรส่วนใหญ่มักจะกักตุนข้าวไว้เพราะคิดว่าราคาจะยังคงเพิ่มขึ้น ธุรกิจและบุคคลจำนวนหนึ่งเริ่มซื้อขายข้าวเพื่อหวังกำไร
แล้วการขายข้าวสำรองช่วยได้หรือไม่ การตัดสินใจของรัฐบาลที่จะขายข้าวสำรองเชิงยุทธศาสตร์บางส่วนด้วยการเอาออกประมูลถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เพราะในอดีตข้าวสำรองเหล่านี้จะถูกสงวนไว้สำหรับสำรองไว้ใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือพืชผลเสียหาย ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ข้าวสำรองถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดจำหน่าย
รัฐบาลได้จัดสรรข้าวสำรองไว้ 231,000 ตัน เพื่อจำหน่ายให้ตรงกับปริมาณข้าวที่ขาดแคลนในประเทศ ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 5 ของข้าวสำรองฉุกเฉินทั้งหมดของญี่ปุ่น ซึ่งถูกจัดเก็บอยู่ในสต๊อกกว่า 300 แห่ง ขณะนี้ผู้จัดจำหน่ายเสนอราคาข้าว 165,000 ตันแรกในการประมูล รัฐบาลหวังว่าข้าวจะเริ่มไหลไปยังผู้ค้าส่งและซูเปอร์มาร์เก็ต และข้าวที่เหลืออีก 66,000 ตัน จะถูกประมูลขายในภายหลัง
สำหรับประเทศที่บริโภคข้าว ในปี 2022 คนญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยบริโภคข้าวประมาณ 110 ปอนด์ (ราว 50 กิโลกรัม) ต่อปี เมื่อเทียบกับคนอเมริกันโดยเฉลี่ย 27 ปอนด์ (12 กิโลกรัม) ต่อปี ดังนั้นด้วยปริมาณข้าวที่บริโภคมากขนาดนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขายข้าวจึงน่ากังวล
ทากาโอ อิซึกะ วัย 62 ปี ผู้ประกอบการในโตเกียว กล่าวว่า ตอนนี้เขาเริ่มกังวลเป็นครั้งแรกในรอบสามทศวรรษที่ทำงานในร้านว่า เขาจะหาข้าวสารได้เพียงพอในการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไปหรือไม่ ซัพพลายเออร์รายหนึ่งบอกกับเขาในเดือนมกราคมว่าข้าวสารสำหรับปีนี้หมดแล้ว
อิซึกะขายข้าวสารถุงแบบดิบและแบบปรุงเป็นข้าวปั้นพร้อมบ๊วยดอง ปลาแซลมอน และไส้อื่น ๆ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เขาถูกบีบให้ขายข้าวปั้นราคา 1 ดอลลาร์ หรือเพิ่มประมาณร้อยละ 20 เพื่อให้ทันกับราคาวัตถุดิบหลักที่พุ่งสูงขึ้น
การประมูลครั้งนี้จะช่วยได้หรือไม่ จะได้รู้กันในอีกไม่กี่สัปดาห์และไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งคาดว่าข้าวสารในสต๊อกจะเริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
อ้างอิง :
• The New York Times
• NHK