
ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเตรียมยุบกระทรวงศึกษาธิการ
มติชนรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปูทางยุบกระทรวงศึกษาธิการของประเทศตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยคำสั่งดังกล่าวจะทำให้นโยบายของแต่ละโรงเรียนขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละรัฐ
ทรัมป์กล่าวในขณะที่ลงนามคำสั่งดังกล่าวที่อีสต์รูมในทำเนียบขาวว่า คำสั่งนี้เป็นก้าวแรกในการยุบกระทรวงศึกษาฯ อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี การปิดตัวกระทรวงต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งทรัมป์อาจไม่มีเสียงพอที่จะบรรลุเกณฑ์ 60 เสียงที่จำเป็นในการเอาชนะการอภิปรายยืดเยื้อในวุฒิสภาที่มีที่นั่งทั้งหมด 100 ที่นั่ง
ทรัมป์กล่าวเพิ่มว่า “เราจะทำให้การบริหารการศึกษาขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น” โดยในพิธีลงนาม เด็กนักเรียนชั้นปฐมวัยถูกเชิญมาให้นั่งอยู่รอบ ๆ ตัวประธานาธิบดีด้วย
การลงนามในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงศึกษาฯ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะเลิกจ้างเจ้าหน้าที่จำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ซึ่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายในการลดจำนวนข้าราชการเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการของภาครัฐ
ด้านทำเนียบขาวกล่าวว่า คะแนนค่าเฉลี่ยที่อยู่ในระดับปานกลาง รวมถึงทักษะการเขียนอ่านและคณิตศาสตร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าการมีกระทรวงศึกษาธิการอยู่นั้นถือเป็นการใช้งบประมาณกลางอย่างสิ้นเปลือง
การบริหารด้านศึกษากลายเป็นประเด็นสำคัญทางสังคมของสหรัฐมาอย่างยาวนาน พรรครีพับลิกันสนับสนุนให้การบริหารการศึกษาขึ้นอยู่กับหน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น นอกจากนั้น โรงเรียนเอกชนและโรงเรียนสอนศาสนาควรที่จะมีอำนาจในการตัดสินใจออกนโยบายของตน ทั้งนี้ สำหรับพรรคเดโมแครต การสนับสนุนด้านงบประมาณแก่โรงเรียนรัฐบาลและโครงการที่ช่วยส่งเสริมความหลากหลายนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศ ทรัมป์มีนโยบายที่จะลดงบประมาณสนับสนุนการศึกษา โดยทางรัฐบาลได้ใช้เรื่องการเรียกคืนเงินสนับสนุนของรัฐบาลกลางมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาเป็นเงื่อนไขเพื่อให้ทางมหาลัยโคลัมเบียดำเนินมาตรการเข้มงวดต่อการประท้วงของนักศึกษาด้วย
อัลจาซีร่า (Aljazeera) รายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการก่อตั้งขึ้นในปี 1979 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรวมเอาแผนริเริ่มด้านการศึกษาต่าง ๆ เข้าไว้ในรัฐบาลกลาง โดยในการดำเนินการดังกล่าว คาร์เตอร์ได้ตั้งตำแหน่งรัฐมนตรีขึ้นมาอีกตำแหน่ง รีพับลิกันถึงกับโต้แย้งว่าตำแหน่งดังกล่าวจะดึงอำนาจออกไปจากรัฐต่าง ๆ และคณะกรรมการโรงเรียนในท้องถิ่น