
Goldman Sachs คาด มาตรการภาษีกระเทือน ทำธนาคารกลางสหรัฐ ลดดอกเบี้ย 3 ครั้งปีนี้
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป (Goldman Sachs Group) ปรับประมาณการใหม่ มองเฟดและธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์นำโดย ยาน แฮตซิอุส (Jan Hatzius) มองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนกรกฎาคม กันยายน และพฤศจิกายน จากที่เคยมองว่าจะมีการปรับลด 2 ครั้งในปีนี้ และอีกครั้งในปี 2026
ส่วน สเวน ยาริ สเติห์น (Sven Jari Stehn) มองว่า จากคาดการณ์การเติบโตของสหภาพยุโรปที่ลดลง จึงประมาณการว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนเมษายนกับเดือนมิถุนายน และจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25 จุดเปอร์เซ็นต์ในเดือนกรกฎาคม
นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ปรับประมาณการผลกระทบของมาตรการภาษีใหม่อีกครั้ง แม้ประมาณการครั้งก่อนจะยังไม่ทันครบเดือน โดยคาดว่าอัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ในปี 2025 จากการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า อย่างเช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์ รวมถึงมาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff)
ไม่เพียงเท่านั้น โกลด์แมน แซคส์ยังมองอีกด้วยว่า อัตราภาษีที่เรียกเก็บเพิ่มขึ้นจะทำให้ดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Index) เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) เมื่อสิ้นสุดปี 2025 และปรับลดจีดีพีสหรัฐลง 0.5 จุดเปอร์เซ็นต์ เหลือโต 1% ในไตรมาสสี่ เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 0.3 จุดเป็น 4.5%
นักเศรษฐศาสตร์ระบุไว้ในรายงานว่า ความเสี่ยงด้านลบจากมาตรการภาษีได้เพิ่มความน่าจะเป็นที่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างที่เคยเป็นในปี 2019 แม้ว่าประธานเฟดจะปรับลดบทบาทของอัตราเงินเฟ้อลง อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์โกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดจะใช้อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็นเหตุผลในการลดอัตราดอกเบี้ย