
ตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว โครงการมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทดังกล่าวดำเนินการมีกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด ) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง
ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป คัมปะนี หรือ China Railway No.10 Engineering Group อยู่ภายใต้บริษัทแม่ China Railway Group Limited หรือเรียกสั้นๆ ว่า ซีอาร์อีซี (CREC) “ประชาชาติธุรกิจ” ชวนทำความรู้จัก หนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างและวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากรายได้
CREC มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ให้บริการด้านการก่อสร้างทางวิศวกรรม บริษัทรับงานรับเหมาก่อสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ อุโมงค์ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การพัฒนาทรัพยากรและการทำเหมืองแร่ การลงทุนทางการเงิน และสาขาอื่นๆ
ปัจจุบันมีนายเฉิน หยุน (Chen Yun) เป็นประธาน CREC ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิงหัว มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน

จากการศึกษาแผนผังโครงสร้างองค์กรพบว่า ภายใต้บริษัทแม่มีการแบ่งเป็นปีกทางการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานได้เป็นบริษัทลูก อาทิ China Railway No. 2 ,No.3…, No.10
แม้บริษัทลูก China Railway No. 10 ถูกตรวจสอบ แต่บริษัทแม่ CREC ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Fortune Global 500 ติดต่อกัน 17 ปี ในปี 2565 บริษัทได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 34 ใน Fortune Global 500 และอันดับที่ 5 ในรายชื่อบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกของจีน
CREC มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี
ถือกำเนิดจากสำนักงานก่อสร้างทั่วไปและสำนักงานออกแบบทั่วไป ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2493 อยู่ภายใต้กระทรวงการรถไฟ (MOR) ซึ่งต่อมาได้รวมเข้ากับสำนักงานก่อสร้างทั่วไป
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2532 เมื่อได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี สำนักงานก่อสร้างทั่วไปได้รับการจัดระเบียบใหม่เป็น China Railway Engineering Corporation (CRECG)
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2543 บริษัทได้แยกตัวออกจากกระทรวงรถไฟ และอยู่ภายใต้การจัดการของคณะกรรมการบริหารสำหรับวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่บริหารโดยส่วนกลาง
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2546 คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารทรัพย์สินของรัฐ (SASAC) กลายเป็นผู้ให้ทุนแก่ CRECG
เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2550 CRECG ได้ริเริ่มจัดตั้ง CREC ซึ่งประสบความสำเร็จในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมและ 7 ธันวาคม ตามลำดับ
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 บริษัทได้เปลี่ยนจากบริษัทในตลาดเป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐถือหุ้นทั้งหมดและเปลี่ยนชื่อเป็น China Railway Engineering Co., Ltd. ตามที่ปรากฏในปัจจุบัน
ขอบเขตธุรกิจของ CREC
ครอบคลุมเกือบทุกสาขาของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางรถไฟ ทางหลวง สิ่งอำนวยความสะดวกของเทศบาล ที่อยู่อาศัยและอาคาร ระบบขนส่งทางรางในเขตเมือง การอนุรักษ์น้ำ สถานีพลังงานน้ำ สนามบิน ท่าเรือ ท่าเทียบเรือ ฯลฯ
CREC ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในกลุ่ม “บริษัทนวัตกรรม” แรกของจีนโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะกรรมการกำกับสินทรัพย์ของรัฐ (SASAC) และสหพันธ์สหภาพแรงงานแห่งประเทศจีน (ACFTU) บริษัทมีห้องปฏิบัติการแห่งชาติสามแห่ง ได้แก่ ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมแห่งชาติสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง ห้องปฏิบัติการหลักแห่งชาติสำหรับเทคโนโลยีโล่และการขุดเจาะ และห้องปฏิบัติการหลักแห่งชาติสำหรับเสถียรภาพและความปลอดภัยของโครงสร้างสะพาน
ปัจจุบัน CREC มีพนักงานประมาณ 290,000 คน รวมถึงช่างเทคนิคที่มีทักษะ 85,000 คนและนักวิชาการ 1 คนจากสถาบันวิศวกรรมศาสตร์จีน (CAE) และในบรรดาพนักงานทั้งหมดมีตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากกว่า 2,400 คน
ในประเทศจีน CREC ดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟมากกว่า 2 ใน 3 ทางด่วน 1 ใน 8 รวมถึงรถไฟฟ้า 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ
CREC ในตลาดโลก
ตามประวัติของบริษัทที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ระบุว่า CREC ได้รับชื่อเสียงที่ดีในตลาดโลกมายาวนาน นับตั้งแต่มีการก่อสร้างทางรถไฟแทนซาเนีย-แซมเบียระยะทาง 1,861 กิโลเมตรในช่วงทศวรรษ 1970 ตลอดจนบริษัทได้สร้างโครงการที่ยอดเยี่ยมจำนวนมากในเอเชีย แอฟริกา ยุโรป อเมริกาใต้ และมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสำนักงานตัวแทนและดำเนินโครงการในกว่า 90 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
CREC บทบาทอย่างมากในนโยบายซิกเนเจอร์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นั่นคือโครงการเส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของจีน ทำให้มีโอกาสมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในประเทศที่เข้าร่วมโครงการ BRI เนื่องจากความต้องการเครื่องจักรก่อสร้างเฉพาะทางและอุปกรณ์เจาะอุโมงค์เพิ่มสูงขึ้น
CREC คว้าสัญญาหลายฉบับสำหรับการอัปเกรดและต่ออายุโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงการรถไฟใต้ดิน ความพยายามในการอนุรักษ์น้ำ และทางเดินใต้ดินทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มนี้จะจัดส่งเครื่องเจาะอุโมงค์ขนาดยักษ์หลายเครื่องให้กับลูกค้าในสิงคโปร์และเกาหลีใต้ในปี 2024
เมื่อปี 2024 สื่อทางการจีนรายงานว่า CREC ได้รับคำสั่งซื้อเครื่องเจาะอุโมงค์มากกว่า 1,600 รายการจากทั่วโลก บริษัทได้ส่งออกเครื่องเจาะอุโมงค์ไปยังกว่า 30 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงออสเตรเลีย เดนมาร์ก กาตาร์ และอิตาลี
นอกจากการส่งออกเครื่องเจาะอุโมงค์ แล้ว CREC ยังจัดส่งสวิตช์ระบบขนส่งทางรางไปยังกว่า 30 ประเทศ ผลิตภัณฑ์โครงสร้างเหล็กและเครื่องจักรประกอบคานสะพานของบริษัทยังถูกนำไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุงในอินโดนีเซีย ทางรถไฟจีน-ลาว และสะพานเปลเยซัคในโครเอเชีย
อ้างอิง :