
มีผลแล้ว เวียดนามลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ หวังเอาใจสหรัฐ แต่จะเอาตัวรอดจากมาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ได้หรือไม่ ยังต้องลุ้นกัน
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เวียดนามมุ่งสลัดผลกระทบภาษีจากสหรัฐ โดยประกาศลดภาษีนำเข้ากับสินค้าหลายรายการ ตั้งแต่ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ไปจนถึงรถยนต์ ผ่านเว็บไซต์รัฐบาล ซึ่งมีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2025
ตามประกาศบนหน้าเว็บไซต์ เวียดนามลดภาษีนำเข้ารถยนต์บางรายการลงจาก 64% เป็น 32% และลดก๊าซ LNG ลงจาก 5% เป็น 2% ส่วนเอทานอลก็ลดเช่นกัน จาก 10% เหลือ 5% นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกษตรอื่น ๆ เช่น แอปเปิล ไก่แช่แข็ง อัลมอนด์ และเชอรี่ ที่ได้รับการปรับลดภาษีนำเข้า
ประกาศดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนการประกาศภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เมษายนนี้ ในสวนกุหลาบทำเนียบขาว ซึ่ง เจมีสัน เกรียร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของเวียดนามในเดือนก่อนว่า เวียดนามจำเป็นต้องปรับดุลการค้ากับสหรัฐใหม่ และนำเข้าสินค้าจากสหรัฐให้มากขึ้น
เวียดนามพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก คิดเป็น 85% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2024 โดยมีสหรัฐเป็นลูกค้ารายใหญ่สุด ซึ่งเวียดนามเกินดุลสหรัฐมากเป็นอันดับสาม รองจาก จีนและเม็กซิโก
ทั้งนี้ โต เลิม (To Lam) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม กล่าวกับมาร์ก คนัปเปอร์ (Marc Knapper) เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำเวียดนาม ระหว่างการพบปะกันเมื่อวันที่ 31 มีนาคมว่า รัฐบาลเวียดนามกำลังส่งเสริมให้มีการซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ก๊าซ LNG และสินค้าไฮเทคอื่น ๆ
เวียดนามจะรอดมาตรการภาษีไหม
ในช่วงที่ผ่านมา หลายประเทศประกาศมาตรการโต้กลับอย่างรุนแรง เมื่อถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ต่างจากเวียดนาม ที่พยามยามใช้วิธีทางการทูต เพื่อผูกสัมพันธ์กับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนมกราคม ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (H.E. Mr. Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวไว้ว่า ต้องการที่จะพบทรัมป์ที่มาร์ อลาโก บ้านพักส่วนตัวของทรัมป์ในรัฐฟลอริดา เพื่อพูดคุยตีกอล์ฟด้วยกัน
สตีฟ นอร์ริส (Steve Norris) ที่ปรึกษาจากคอนโทรล ริสก์ (Control Risks) มองว่า เวียดนามกำลังใช้วิธีการทูตแบบไผ่ลู่ลมหรือ “Bamboo Diplomacy” หากสหรัฐเพิ่มแรงกดดัน เวียดนามจะตอบสนองด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการต้อนรับ (Hospitality) และกาสิโน ดำเนินการจัดซื้อเครื่องจักรขั้นสูงจากสหรัฐ และพิจารณามอบสิทธิเข้าถึงแร่หายาก (Rare Earth) ของเวียดนาม
ภาคเอกชนหลายแห่งทั้งบริษัทจีนและสหรัฐ พากันทยอยย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม หลังทรัมป์เริ่มสงครามการค้ากับจีนครั้งแรกในปี 2017 จึงทำให้เวียดนามส่งออกสินค้ามายังสหรัฐเพิ่มมากขึ้น และเกินดุลการค้ากับสหรัฐนับตั้งแต่นั้นมา อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีอาจส่งผลเสียต่อบริษัทเทคของสหรัฐในเวียดนาม เช่น แอปเปิล (Apple) และอินเทล (Intel) ตลอดจนไนกี้ (Nike) แบรนด์กีฬาชั้นนำ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ต้องการลดการไหลผ่านของสินค้าจีน ที่แฝงมาจากการขนส่งของประเทศอื่น ๆ และต้องการดึงฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐอีกด้วย ซึ่งเวียดนามจะสามารถรอดพ้นจากมาตรการภาษีของสหรัฐหรือไม่นั้น ยังต้องรอผลต่อไปในวันที่ 2 เมษายนนี้