ดร.สันติธารชี้ ภาษีทรัมป์เหมือน ‘แผ่นดินไหว’ ช็อกการค้าทั่วโลก กระทบไทยมากกว่าที่คิด

ดร.สันติธาร เสถียรไทย

ดร.สันติธาร เสถียรไทยแจ้งข่าวและวิเคราะห์กรณีรัฐบาลอเมริกาเพิ่งประกาศกำแพงภาษีครั้งใหญ่ที่เปรียบเสมือนเป็น ‘แผ่นดินไหว’ ช็อคการค้าไปทั้งโลก พร้อมแนะให้รัฐบาลตั้งวอร์ รูม เพราะภาษีครั้งนี้จะเปลี่ยนเศรษฐกิจการค้าโลกระยะยาวด้วย

วันที่ 3 เมษายน 2568 ดร.สันติธาร เสถียรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอนาคต (Future Economy) ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าวพร้อมบทวิเคราะห์กรณีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเมื่อ 3 เมษายน เวลาไทย ระบุว่า รัฐบาลอเมริกาเพิ่งประกาศกำแพงภาษีครั้งใหญ่ที่เปรียบเสมือนเป็น ‘แผ่นดินไหว’ ช็อคการค้าไปทั้งโลกก็ว่าได้ ซึ่งทุกประเทศโดนภาษีอย่างน้อย 10% และอีก 60 ประเทศโดนภาษี ‘หมัดสวน’ (reciprocal tariff) ที่ประเทศไทยจะโดนถึง 36% สูงกว่าหลายประเทศ

อาฟเตอร์ช็อกของมาตราการครั้งนี้อาจจะรุนแรงและซับซ้อน เพราะว่า:

1) หลายประเทศอาจเลือกที่จะใช้ไม้แข็งตั้งกำแพงภาษีกลับ สู้กันไปมา ทำให้การค้าโลกโดยรวมทรุดกว่าที่คิด
2)บางประเทศอาจเสี่ยงตกเข้าภาวะเศรษฐกิจถดถอย (ความเสี่ยงของอเมริกาเองก็เพิ่มขึ้น)
3) เมื่อตลาดอเมริกาเหมือนจะกลายเป็น เมืองล้อมด้วยกำแพง ที่สินค้าเข้าไม่ได้หรือยากขึ้น ทุกประเทศก็จะคิดคล้ายๆกันคือต้องส่งออกไปตลาดอื่น ดังนั้นการแข่งขันจะเข้มข้นขึ้นทั้งสำหรับการส่งออกของไทยในตลาดที่ 3 และสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆอาจทะลักเข้ามาในไทยมาขึ้น
4) เดิมการลงทุนที่ไทยได้จากการหลบเลี่ยงสงครามการค้าระหว่าง จีนและสหรัฐฯ อาจชะงักหรือชะลอเพราะตอนนี้ไทยเองก็โดนภาษีในระดับสูงเช่นกัน (แม้ว่าเวียดนามจะโดนมากกว่า)
5) แน่นอนว่า ยังมีความไม่แน่นอนอีกหลายอย่าง เช่นว่ากำแพงภาษีทั้งหมดนี้เจรจาต่อรองได้แค่ไหน แต่ความไม่แน่นอนนี่เองก็จะทำให้ธุรกิจต่างๆทั่วโลกต้องหยุดเพื่อรอดู ปรับแผน มีผลลบกับเศรษฐกิจการลงทุนทันที
6) ตอนนี้ยังฝุ่นตลบ ตนจะพยายามคอยนำบทวิเคราะห์ดีๆมานำเสนอด้วย แต่สำหรับตนเองแล้วเชื่อว่านี่คือ ‘แผ่นดินไหว’ ทางการค้าโลกที่มีผลกระทบต่อไทยอย่างมาก (และมากกว่าที่คนส่วนใหญ่เคยคิดกัน) แน่นอน

โดยส่วนตัวแล้ว ดร.สันติธารจึงมองว่าจำเป็นต้องมีห้องบัญชาการสถานการณ์ หรือวอร์ รูม ( War Room) ทีมพิเศษที่มีทั้งภาครัฐและเอกชนเตรียมรับมือเรื่องนี้และให้เป็นเรื่องเร่งด่วนพิเศษ

ดร.สันติธารยังระบุอีกว่า ธุรกิจต่างๆเองก็คงต้องเตรียมรับมือแรงกระแทกและปรับกลยุทธ์หาโอกาสในวิกฤตเช่นกัน เพราะช็อคครั้งนี้อาจไม่ใช่กระแทกระยะสั้นแต่จะมีผลปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจการค้าโลกระยะยาวด้วย

ADVERTISMENT