เวียดนามหว่านเสน่ห์ไม่สำเร็จ ถูกสหรัฐเก็บภาษีแรง 46%

เวียดนามหว่านเสน่ห์ไม่สำเร็จ ถูกสหรัฐเก็บภาษีแรง 46% อาจเจ็บหนักจนต้องหันพึ่งจีน

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เวียดนามหว่านเสน่ห์ไม่ช่วย หลังสหรัฐขึ้นกำแพงภาษีอีก 46% มากสุดในการประกาศครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 แม้ก่อนหน้านี้ เวียดนามจะพยายามดึงดูดใจสหรัฐด้วยการลดภาษีสินค้านำเข้า พร้อมรับปากจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้นก็ตาม

จิ่ญ เหงวียน (Trinh Nguyen) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากแนติซิส (Natixis) ในฮ่องกง กล่าวว่า นับเป็นหายนะสำหรับเวียดนาม ซึ่งความเสียหายไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังส่งผลถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สหรัฐถือเป็นปลายทางการส่งออกใหญ่สุดของเวียดนาม มาตรการภาษีครั้งใหม่นี้อาจทำให้เป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่วางไว้ 8% เป็นไปได้ยากขึ้น

เช่นเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามคอยดึงเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ ที่กำลังมองหาที่ตั้งฐานการผลิตใหม่นอกเหนือจากจีน ไม่ว่าจะเป็น อินเทล คอร์ป. (Intel Corp.) ที่เข้ามาดำเนินการประกอบชิปและตั้งโรงงานทดสอบการผลิตในเมืองโฮจิมินห์ และยังมีซัพพลายเออร์จากแอปเปิล อิงก์ (Apple Inc.) และซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โค. (Samsung Electronics Co.) ร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายของเวียดนามจะได้รับผลกระทบหนักสุด และมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้คนงานกว่าหลายพันคนต้องสูญเสียตำแหน่งงานไป เมื่ออิงจากคำกล่าวของเซือง ถิ ง็อก ซุ่ม (Duong Thi Ngoc Dung) รองประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายแห่งเวียดนาม (Vietnam Textile & Apparel Association)

ADVERTISMENT

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เวียดนามหั่นอัตราภาษีสินค้านำเข้าหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว ยานยนต์ หรือสินค้าเกษตร

ทั้งนี้ ทรัมป์ระบุว่าจะพิจารณาลดอัตราภาษีกับประเทศคู่ค้าที่ถอนมาตรการกีดกันทางการค้ากับทางสหรัฐออกไป ซึ่งเวียดนามวางแผนส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมเจรจากับทางสหรัฐสุดสัปดาห์นี้ นำโดย โห่ ดึ๊ก เฟิ้ก (Ho Duc Phoc) รองนายกรัฐมนตรี และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงผู้บริหารจากเวียดนาม แอร์ไลนส์ (Vietnam Airlines) เวียตเจ็ท แอร์ (Vietjet Aviation) และวีน่า แคปิตัล กรุ๊ป (VinaCapital Group)

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างมาก คิดเป็น 90% ของจีดีพีในปี 2024 ซึ่ง จิ่ญ เหงวียน จากแนติซิส กล่าวว่า เวียดนามอาจไม่สามารถแบกรับราคาสินค้าจากสหรัฐที่ค่อนข้างสูงได้ และยังไม่สามารถลดภาษีนำเข้าเพื่อลดผลกระทบได้มากไปกว่านี้แล้ว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จิ่ญ เหงวียน มองว่า เวียดนามอาจลดความสัมพันธ์กับสหรัฐลง และหันไปพึ่งพาจีนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้จีนมีอิทธิพลมากขึ้นในภูมิภาค