ทรัมป์ยืนกรานขึ้นภาษีจีน 104 %

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐกล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำของคณะกรรมาธิการรัฐสภาพรรครีพับลิกันแห่งชาติ (NRCC) ที่อาคารพิพิธภัณฑ์แห่งชาติในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 8 เมษายน 2025 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 9 เม.ย. เวลา 07.59 น. และอัพเดตล่าสุดเวลา 13.36 น.

ทรัมป์เดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 104% ภายหลังจากที่จีนไม่ยอมถอนมาตรการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสหรัฐ 34% 

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐยืนกรานขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 104% ซึ่งขณะนี้มีผลบังคับใช้แล้ว ทำให้ความหวังที่จะหลีกเลี่ยงสงครามการค้าที่โหดร้ายลดน้อยลง

ทรัมป์เดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าแบบต่างตอบโต้กว่า 60 ประเทศ ที่เขาเรียกว่า “ผู้กระทำผิดร้ายแรงที่สุด” และเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 9 เมษายน ตามเวลานิวยอร์กหรือในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ตรงกับเวลาไทย 11.00  น. ของวันเดียวกัน โดยสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ทรัมป์มีแผนที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 104% ซึ่งสหรัฐได้เพิ่มระดับภาษีดังกล่าวเพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่ฝ่ายจีนแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสหรัฐกลับอีก 34%

ภาษีนำเข้าจากจีน 104% มาจากการรวมภาษีที่มีผลไปแล้วสองรอบรวม 20% ซึ่งเชื่อมโยงกับการลักลอบส่งสารตั้งต้นยาเสพติดเฟนทานิลเข้าสหรัฐ และอีก 34% ที่สหรัฐกำหนดพร้อมกับอีกหลายประเทศใน “วันปลดแอกทางเศรษฐกิจ” เมื่อ 2 เมษายน และล่าสุดทรัมป์ขู่อีก 50% เนื่องจากจีนไม่ยอมถอนมาตรการตอบโต้ที่ขู่จะเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐ 34% ภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 8 เมษายน

ทั้งนี้ จีนได้ขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐในวงจำกัดมาแล้วสองรอบ แต่ละรอบมีอัตรา 10-15% รวมถึงขึ้นบัญชีบริษัทสหรัฐหลายแห่งอยู่ในบัญชีบริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ เน้นไปที่บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการป้องกันประเทศ

ทรัมป์มองว่าการตอบโต้ของจีนเป็นความผิดพลาด แต่ก็ยังเชื่อว่าจีนจะต้องการบรรลุข้อตกลงการค้าในที่สุด เหมือนกับอีกหลายสิบประเทศที่ต้องการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐ หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลส่งสัญญาณเปิดให้มีการเจรจาที่อาจลดหรือขจัดภาษีที่ทรัมป์ประกาศเมื่อ 2 เมษายนที่สวนกุหลาบ ทำเนียบขาว

ADVERTISMENT

ประธานาธิบดีสหรัฐใช้เวลาหลายชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่ภาษีแบบต่างตอบโต้ที่เรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าอัตราฐานจะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ โดยจัดการเจรจากับพันธมิตรของสหรัฐ

ทรัมป์กล่าวว่าแนวโน้มของข้อตกลงการค้ากับเกาหลีใต้นั้นดูดี หลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับฮัน ด็อกซู รักษาการประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ และเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกำลังจะขึ้นเครื่องบินมาสหรัฐเพื่อเจรจา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นดีลการค้าที่ดีเช่นกัน และประเทศต่าง ๆ เสนอการผ่อนปรนเงื่อนไขต่าง ๆ รวมถึงในประเด็นอื่น ๆ นอกเหนือจากการค้าและภาษีศุลกากร

ADVERTISMENT

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า รองนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ชาติที่เป็นศูนย์กลางการผลิตต้นทุนต่ำในเอเชียได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่งที่อัตรา 46% เตรียมหารือกับสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของทรัมป์ในช่วงบ่ายวันพุธนี้ (9 เมษายน) เวลาท้องถิ่น

ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งสำหรับทรัมป์คือ หากแนวทางการตอบโต้ของจีนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากชาวอเมริกันเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าที่มีราคาแพงขึ้นอย่างมาก โดยที่เจ้าหน้าที่จีนชี้แจงอย่างชัดเจนว่าฝ่ายจีนจะเพิ่มภาษีสินค้าของสหรัฐต่อไป แม้ว่าทรัมป์จะขู่เพิ่มภาษีเป็นรวม 104%

“สงครามการค้าและภาษีศุลกากรไม่มีผู้ชนะ และนโยบายคุ้มครองทางการค้าไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ใด ๆ พวกเราชาวจีนไม่ใช่ผู้ก่อปัญหา แต่เราจะไม่หวั่นไหวเมื่อปัญหาเข้ามาหาเรา การข่มขู่ คุกคาม และแบล็กเมล์ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการติดต่อกับจีน” โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวตอบโต้การขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า รัฐบาลจีนคำนวณผิดพลาด และประธานาธิบดีทรัมป์จะยินดีหากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น iPhone ของบริษัทแอปเปิลประกอบขึ้นในสหรัฐแทนที่จะเป็นจีน

“ประธานาธิบดีทรัมป์มีกระดูกสันหลังทำจากเหล็ก (หมายถึงมีความแข็งแกร่ง) และเขาจะไม่แตกหัก” ลีวิตต์กล่าว และเสริมว่า “อเมริกาไม่ต้องการประเทศอื่นมากเท่ากับที่ประเทศอื่นต้องการเรา” อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่าทรัมป์จะ “มีน้ำใจ” หากผู้นำจีนยอมเข้ามาเจรจา และข้อตกลงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเป็นประโยชน์ต่อแรงงานชาวอเมริกันและแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของประเทศ

เมื่อ 8 เมษายน เวลาท้องถิ่น ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 3.4% เมื่อเปิดตลาด และดัชนี Nasdaq 100 พุ่งขึ้น 3.5% จากความคาดหวังที่ว่าการทำข้อตกลงการค้าจะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงที่สุดได้ แต่การเพิ่มขึ้นดังกล่าวก็หายไปในช่วงบ่าย เนื่องจากทำเนียบขาวย้ำแผนการดำเนินการเรื่องภาษีนำเข้าจากจีนที่มีแนวโน้มจะตามมา ดัชนีทั้งสองปิดตลาดในแดนลบ