สหรัฐ-เวียดนามตกลงเริ่มเจรจา ขจัดกำแพงการค้าที่มิใช่ภาษี

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้รับธงเวียดนาม ขณะได้รับการต้อนรับจากนักเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2019 (ภาพ รอยเตอร์)
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 10 เม.ย. และอัพเดตเมื่อ 11 เม.ย. เวลา 10.05 น.

สหรัฐและเวียดนามตกลงจะหารือเพื่อจัดทำข้อตกลงการค้ารวมถึงพิจารณาขจัดกำแพงการค้าที่มิใช่ภาษี

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่า สหรัฐและเวียดนามเห็นพ้องที่จะเริ่มการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงทางการค้า โดยสองฝ่ายจะพิจารณาขจัดกำแพงการค้าที่มิใช่ภาษีออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากการประชุมระหว่างนายโฮ ดึ๊ก ฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามและจามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธที่ 9 เมษายนในช่วงบ่าย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นห่างกันไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่สหรัฐระงับการเก็บภาษีกับชาติอื่น ๆ ยกเว้นจีน เป็นเวลา 90 วัน รวมถึงเวียดนามที่ถูกเรียกเก็บในอัตรา 46%

กรีเออร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐระบุในโพสต์บน X ว่า การหารือกับนายฟุกครอบคลุมถึง “การค้าแบบตอบแทนและโอกาสทางเศรษฐกิจมากมายในความสัมพันธ์ทวิภาคีสหรัฐ-เวียดนาม

เวียดนามยังจะอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนสหรัฐในการลงทุนในประเทศ โดยแถลงการณ์รัฐบาลเวียดนามยังระบุเพิ่มเติมว่า เวียดนามจะยกระดับการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางการค้าด้วย

แม้ว่าภาษีแบบต่างตอบโต้ในอัตราสูงจะถูกระงับไว้ชั่วคราว แต่ภาษีอัตราฐาน 10% สำหรับสินค้าที่นำเข้าไปสหรัฐเกือบทั้งหมดจะยังคงมีผลบังคับใช้

ADVERTISMENT

เวียดนามซึ่งเป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาคที่สำคัญสำหรับบริษัทตะวันตกหลายแห่ง เกินดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่า 123,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.1 ล้านล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

นอกจากนี้ สายการบินเวียดนาม 2 แห่งได้ประกาศข้อตกลงกับบริษัทการเงินของสหรัฐเพื่อระดมทุนสำหรับการขยายธุรกิจ เวียตเจ็ท สายการบินราคาประหยัดกล่าวว่าได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 10,000 ล้านบาท) กับ AV AirFinance ซึ่งเป็นพันธมิตรของกองทุนเพื่อการลงทุนอย่าง KKR KKR.N.

ADVERTISMENT

บริษัทเวียตเจ็ทกล่าวอีกว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งมอบเครื่องบินที่จำเป็นในอีกสองปีข้างหน้า และว่าในปีนี้บริษัทจะได้รับเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ ลำแรกจากคำสั่งซื้อก่อนหน้านี้ 200 ลำ หลังจากการส่งมอบถูกเลื่อนออกไปหลายครั้ง

เจ้าหน้าที่ของเวียดนามและสหรัฐระบุซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า การซื้อเครื่องบินจะเป็นสิ่งสำคัญในการลดส่วนเกินดุลการค้าของเวียดนามกับสหรัฐ ซึ่งรัฐบาลทรัมป์ระบุว่าเป็นสาเหตุสำคัญของการขึ้นภาษีที่เรียกเก็บจากเวียดนามตั้งแต่แรก

ต่อมา สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาการค้าของสหรัฐ โพสต์บน X พร้อมภาพเขาจับมือกับรองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ข้อความระบุว่า ระหว่างการประชุมวันนี้ยืนยันการเริ่มหารือการค้าต่างตอบแทนอย่างเป็นทางการกับโฮ ดึ๊ก ฟุก รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ผมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไป และความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหลัก ๆ อย่างรวดเร็วและสามารถพิสูจน์ได้