ทรัมป์เห็น “ปัญหาในการเปลี่ยนผ่าน” หลังเรียกเก็บภาษีจีน 145 %

ภาพ รอยเตอร์

ประธานาธิบดีทรัมป์มองเห็น “ปัญหาในการเปลี่ยนผ่าน” จากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 145% ด้านทางการจีนเรียกร้องให้สหรัฐไม่ใช้การข่มขู่และการกดดันในการแก้ไขความขัดแย้ง ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ภาษีสูงกว่าสามหลักทำให้การค้าส่วนใหญ่ของสองประเทศหยุดชะงักลง

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า ภาษีนำเข้าสินค้าของตนอาจทำให้เกิดปัญหาในการเปลี่ยนผ่าน แต่ก็ยังแสดงความมั่นใจในแผนนี้ หลังจากทำเนียบขาวชี้แจงว่าภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 145% โดยรวมเอา 20% ที่มีผลไปแล้วก่อนหน้านี้รวมกับภาษีแบบต่างตอบโต้ 125% หลังจากจีนตอบโต้ประกาศขึ้นภาษีสินค้าทุกชนิดของสหรัฐเป็น 84%

เมื่อ 10 เมษายน เวลาท้องถิ่น ทรัมป์กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า “จะมีต้นทุนของการเปลี่ยนผ่านและปัญหาในช่วงเปลี่ยนผ่าน” แต่ในท้ายที่สุดแล้วจะลงเอยอย่างสวยงาม

ทรัมป์กำลังเรียกเก็บภาษี 125% ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโต้การขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีน และลงโทษรัฐบาลจีนที่ตอบโต้ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเติมจากภาษี 20% ที่บังคับใช้เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเชื่อมโยงบทบาทของจีนในการลักลอบขนสารตั้งต้นเฟนทานิล

ทั้งนี้ สินค้านำเข้าอื่น ๆ ของจีน เช่น วัสดุที่ใช้ในแผงโซลาร์เซลล์ก็ต้องเสียภาษีนำเข้าอยู่แล้ว

นายเหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้สหรัฐกลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า แต่มีเงื่อนไขว่าการเจรจาจะต้องมีความเป็นธรรมและเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การข่มขู่ และการใช้แรงกดดันและการข่มขู่จากสหรัฐจะไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้

ADVERTISMENT

เอริกา ยอร์ก นักเศรษฐศาสตร์ และรองประธานฝ่ายนโยบายภาษีของรัฐบาลกลางของมูลนิธิภาษี (Tax Foundation’s Center for Federal Tax Policy) กล่าวว่า การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 145% ของทรัมป์จะทำให้การค้าระหว่างสหรัฐและจีนหยุดชะงักลง

“ขึ้นอยู่กับว่าภาษีถูกนำไปใช้ในขอบเขตที่แคบหรือกว้างแค่ไหน แต่โดยทั่วไปแล้ว หากภาษีสูงกว่าสามหลัก คุณก็กำลังตัดขาดการค้าส่วนใหญ่” ยอร์กกล่าวและบอกอีกว่า อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีสิ่งมาทดแทนได้ และบริษัทต่าง ๆ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ส่วนใหญ่แล้ว สิ่งนั้นก็ถูกบริษัทตัดออกไปเลย

ADVERTISMENT

ยอร์กยังกล่าวอีกว่า ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของทรัมป์และภาษีอื่น ๆ ที่เขากำหนดจะทำให้ภาษีเฉลี่ยอยู่ที่ระดับสูงสุดที่เราไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1940

ภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้จุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าตอบโต้กันไปมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก

หุ้นร่วงลงในวันที่ 10 เมษายน ตามเวลาสหรัฐ หนึ่งวันหลังจากที่มีการซื้อขายกันอย่างดุเดือดที่สุดในรอบหลายปี ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมากกว่า 6% ก่อนที่จะค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ เนื่องจากความรู้สึกตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นความไม่สบายใจ เพราะนักลงทุนเตรียมรับมือกับความไม่เป็นมิตรทางการค้าที่รุนแรงขึ้น