‘สี จิ้นผิง’ ไม่กลัว แรงกดดันภายนอก จีนพึ่งตัวเองมา 70 ปี

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเดินทางมาถึงการประชุมทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซของสเปน ที่อาคารรับรองแขกบ้านแขกเมือง "เตียว หยูไถ" กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 (รอยเตอร์)

สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวถึงสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นเป็นครั้งแรกว่า จีนไม่กลัวแรงกดดันจากภายนอก 

ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนประกาศว่า จีนไม่กลัวต่อแรงกดดันจากภายนอก ถือเป็นการกล่าวถึงสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก

ประธานาธิบดีสีกล่าวกับนายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ที่อยู่ระหว่างเยือนจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อ 11 เมษายน โดยเน้นย้ำถึงการที่จีนพึ่งพาตนเองมา 70 ปี ปฏิเสธความช่วยเหลือจากภายนอก

สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีนรายงานว่า สีเตือนว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า ซึ่งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายโดดเดี่ยวจีนของสหรัฐว่า เป็นการทำลายตัวเอง (นัยถึงกลยุทธ์ภาษีของสหรัฐที่ระงับการเก็บภาษีชาติอื่น 90 วัน ยกเว้นจีนชาติเดียว)

สีกระชับความสัมพันธ์กับคู่ค้าอื่น ๆ โดยการเยือนของผู้นำสเปนถือเป็นการเยือนจีนครั้งที่ 3 ในเวลา 2 ปี ซึ่งเน้นย้ำความพยายามที่จะปฏิสัมพันธ์กับยุโรปท่ามกลางความโกลาหลทางเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

ในทริปเยือนต่างประเทศครั้งแรกของปีนี้ สีจะเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ซึ่งล้วนเป็นชาติที่ถูกกำหนดภาษีในอัตราที่สูง ช่วงกลางเดือนเมษายนนี้ จุดประสงค์การเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตร

ADVERTISMENT

สียังส่งสัญญาณการเปิดกว้างต่อสหภาพยุโรป (อียู) ยกย่องชาติยุโรปในฐานะผู้เล่นระดับโลกที่สำคัญและย้ำถึงการสนับสนุนของจีน และได้เรียกร้องให้อียูและสเปนต่อต้านการรังแกฝ่ายเดียว ซึ่งชัดเจนว่า หมายถึงนโยบายของฝ่ายสหรัฐ และได้กล่าวปกป้องบรรทัดฐานระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ สียังให้คำมั่นในการร่วมมือกับสเปนมากยิ่งขึ้นในสาขาพลังงานใหม่ (รวมพลังงานไฟฟ้า) การผลิตขั้นสูงและเมืองอัจฉริยะ ยิ่งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์จีนในฐานะหุ้นส่วนที่มั่นคง

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐจาก 84% เป็น 125% มีผลตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% กระทรวงการคลังจีนยังระบุเพิ่มเติมว่า จีนจะไม่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอีก เนื่องจากด้วยอัตราภาษีปัจจุบันต่อสินค้าสหรัฐ ทำให้สินค้าสหรัฐไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดจีน และหากสหรัฐจะขึ้นภาษีจีนอีก จีนจะไม่ให้ความสนใจอีกต่อไป