
ธนาคารกลางสิงคโปร์ ผ่อนคลายนโยบายการเงินรอบ 2 ของปี พร้อมปรับลดประมาณการตัวเลขจีดีพีลง รับความเสี่ยงการค้าโลก
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า สิงคโปร์ผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ พร้อมลดประมาณการทางเศรษฐกิจลง จากผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐที่ปกคลุมการค้าทั่วโลก
ธนาคารกลางสิงคโปร์ หรือ MAS ซึ่งปกติมักใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือหลักในการปรับนโยบายการเงิน แทนการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ประกาศในวันที่ 14 เมษายน 2025 ว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ลดความชัน (Slope) ลง ขณะที่ปล่อยให้ค่ากลาง (Mid-Point) และความกว้าง (Width) ของกรอบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ตามเดิม
ธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มความเสี่ยงด้านลบ หากการค้าโลกอ่อนแอลง เพิ่มขึ้นอีกนิด ไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม จะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจหมายถึงเศรษฐกิจโดยรวมของสิงคโปร์
ธนาคารกลางสิงคโปร์ผ่อนคลายนโยบายการเงิน และปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงท่ามกลาง การพยายามรับมือและทำความเข้าใจผลกระทบของมาตรการภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งยืนกรานว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าหมวดหมู่ สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปต่อ แม้จะถูกยกเว้นเป็นเวลาชั่วคราว
ท่ามกลางมาตรการภาษีอันไม่แน่นอน เงินดอลลาร์สิงคโปร์เป็นสกุลเงินอันดับสองของเอเชียที่นักลงทุนเลือกถือแทนเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นรองเพียงเงินเยนของญี่ปุ่นเท่านั้น
ตลาดการเงินตอบสนองต่อมาตรการภาษีอย่างรุนแรง สร้างความผันผวนไปทั่ว ขณะนี้นี้ผู้กำหนดนโยบายยังคงจับตารอดูปฏิกิริยาของนานาประเทศ โดยเฉพาะการตอบสนองของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ซึ่งไม่กี่วันมานี้ ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์ อินเดีย ฟิลิปปินส์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อชะลอแรงกดดันของราคา พร้อมปักธงว่าอาจผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมอีกในอนาคต
ธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุว่า โอกาสทางการค้าและการเติบโตของจีดีพีดูหมองลงไปในช่วงต้นเดือนเมษายน เนื่องด้วยสิงคโปร์พึ่งพิงการค้าอย่างมาก และหลอมรวมกับห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างลึกซึ้ง หากการค้าโลกชะลอตัวลง จะกระทบกับภาคส่วนการค้านอกประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบมาสู่การค้าในประเทศได้
รัฐมนตรีพาณิชย์และอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ปรับลดประมาณการจีดีพีลงจาก 1-3% เป็น 0-2% ขณะที่จีดีพีในไตรมาสแรกของสิงคโปร์เติบโต 3.8% ต่ำกว่าระดับ 4.5% ที่คาดไว้
ทามารา มาสต์ เฮนเดอร์สัน (Tamara Mast Henderson) นักเศรษฐศาสตร์จากบลูมเบิร์ก กล่าวว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์น่าจะลดความชัน พร้อมกับปรับศูนย์กลางของกรอบอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
แม้สิงคโปร์จะถูกสหรัฐเรียกเก็บอัตราภาษีเพียง 10% ต่ำมากเมื่อเทียบกับจีน อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เศรษฐกิจสิงคโปร์พึ่งพาการค้าเป็นหลัก ลอวเรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ถึงกับต้องออกมาเตือนว่า ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจนอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย