
WTO หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก จากผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐ ที่สร้างความไม่แน่นอนต่อภาคการค้าทั่วโลก
มติชน รายงานว่า องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดคาดการณ์การค้าสินค้าทั่วโลกจากการเติบโตอย่างมั่นคงเป็นลดลงอย่างมากในวันที่ 16 เมษายน 2025 โดยระบุว่าภาษีศุลกากรและผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหนักที่สุดนับตั้งแต่ช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก
WTO คาดว่า การค้าสินค้าจะลดลง 0.2% ในปีนี้ จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคมปีก่อนว่า เศรษฐกิจในปี 2025 จะขยายตัว 3.0% โดยระบุว่า การประมาณการใหม่นี้ขึ้นกับมาตรการที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นสัปดาห์นี้เป็นสำคัญ
เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวอาลา ผู้อำนวยการใหญ่ WTO แสดงความกังวลกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาว่า การหดตัวของการเติบโตของการค้าสินค้าทั่วโลกถือเป็นเรื่องที่เธอกังวลอย่างยิ่ง
หากทรัมป์นำอัตราภาษีศุลกากรแบบเต็มรูปแบบกลับมาใช้ จะทำให้การเติบโตของการค้าสินค้าลดลง 0.6% และจะลดลงอีก 0.8% จากผลกระทบทางอ้อมนอกเหนือจากการค้ากับสหรัฐ ซึ่งเมื่อนำมารวมกันแล้ว จะทำให้การค้าโลกลดลง 1.5% ซึ่งถือว่ามากที่สุดตั้งแต่ปี 2020
โอคอนโจ-อิเวอาลา เตือนว่า หากการค้าสินค้าทั่วโลกหดตัว สิ่งที่น่ากังวลคือมันจะลุกลามไปยังการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยรวม เพราะเราพบว่าความกังวลเกี่ยวกับการค้าสามารถส่งผลลบต่อทั้งตลาดการเงินและเศรษฐกิจในวงกว้างได้ นอกจากนี้ เธอยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย
ผู้อำนวยการใหญ่ WTO กล่าวว่า สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือการที่เศรษฐกิจของจีนและสหรัฐกำลังแยกตัวออกจากกัน WTO คาดการณ์ว่าการค้าสินค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะลดลงถึง 81% หรืออาจลดลงสูงถึง 91% หากไม่มีข้อยกเว้นล่าสุดสำหรับผลิตภัณฑ์บางรายการอย่างสมาร์ทโฟน
โอคอนโจ-อิเวอาลา ยังกล่าวด้วยว่า การแยกตัวทางเศรษฐกิจอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่กว้างไกล หากมันกลายเป็นการแบ่งแยกเศรษฐกิจโลกตามเส้นแบ่งทางภูมิรัฐศาสตร์เป็น 2 ขั้วที่แยกขาดจากกัน ซึ่งในกรณีนี้ GDP โลกอาจหดตัวลง 7% ในระยะยาว ซึ่งมันจะสร้างผลกระทลที่มีนัยสำคัญและรุนแรงมาก
WTO กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระยะหลัง ทำให้ต้องตีความการคาดการณ์เศรษฐกิจด้วยความระมัดระวังมากกว่าปกติ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเล็กน้อยในปี 2026 ที่ 2.5%
WTO ยังบอกด้วยว่า คาดว่าการหยุดชะงักของการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะทำให้การส่งออกสินค้าของจีนในทุกภูมิภาคนอกอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นระหว่าง 4-9% ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีโอกาสที่จะเติมเต็มช่องว่างแทนที่จีนในบางอุตสาหกรรม เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า
แม้ว่าการค้าบริการแม้จะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร แต่ก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยอุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้า เช่น การขนส่งและโลจิสติกส์จะลดลง ความไม่แน่นอนในวงกว้างขึ้นอาจทำให้การใช้จ่ายด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและการลงทุนลดลง
WTO คาดว่าการค้าบริการเชิงพาณิชย์จะเติบโต 4.0% ในปี 2025 และ 4.1% ในปี 2026 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมที่ 5.1% และ 4.8% อย่างมาก
เฮกเตอร์ ตอร์เรส อดีตผู้อำนวยการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะระบบการค้าที่เคยอิงตามกฎกติกากำลังถูกแทนที่ด้วยความวุ่นวายแบบดีลสองฝ่ายที่ใครดีใครได้ ทุกอย่างขณะนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลในการบรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับรัฐบาลทรัมป์
ด้านสำนักงานการค้าและการพัฒนาของสหประชาชาติ (UNCTAD) ระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงเหลือ 2.3% เนื่องจากความตึงเครียดและความไม่แน่นอนทางการค้า ที่กดดันให้เกิดแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย