
พิชัยจับมืออัครราชทูตจีน สร้างความมั่นใจทุเรียนไทย ชู 4 กลยุทธ์ ขายผ่านออนไลน์-กระตุ้นการบริโภค ดันส่งออกทุเรียนในแดนมังกร
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วานนี้ (18 เมษายน 2568) ตนได้พบหารือกับนายอู๋ จื้ออู่ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และนางสาวจาง เซียวเซียว อุปทูตด้านเศรษฐกิจและการค้าประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้มีโอกาสนำทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในจีนไปให้ท่านเอกอัครทูตจีนได้ชิม ซึ่งได้รับคำชื่นชมว่าอร่อยมาก สมกับเป็นที่รับรู้กันว่าทุเรียนไทยมีรสชาติที่พิเศษ อยากเห็นยอดการนำเข้าทุเรียนไทยไปจีนเติบโตต่อเนื่อง พร้อมทั้งอยากเห็นการนำเข้าเป็นไปอย่างราบรื่นตลอดฤดูกาลที่ทุเรียนออกมาก
รมว.พาณิชย์กล่าวว่า ตนและนายอู๋ จื้ออู่ ได้พบหารือกันต่อเนื่อง ได้แลกเปลี่ยนสถานการณ์การส่งออกทุเรียนกันโดยตลอด เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งออกทุเรียนในปีนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น กระจายสินค้าเข้าสู่จีนได้รวดเร็ว วันนี้ก็ได้แกะทุเรียนชิมกัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุเรียนไทยเป็นทุเรียนคุณภาพสูง รสชาติชั้นเยี่ยม ตนได้เน้นย้ำให้ทางการจีนผ่อนปรนมาตรการตรวจสอบสารปนเปื้อน พร้อมทั้งขอให้เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจผ่านด่าน เพิ่มเครื่องมือและอุปกรณ์การตรวจ รวมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่จะส่งออกไปยังตลาดจีนในช่วงฤดูผลไม้
พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำจากทางการจีนว่า ควรจัดเกรด ควบคุมคุณภาพของล้งในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งหากล้งใดมีสินค้าคุณภาพสูง ไม่ตรวจพบสารอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถใช้วิธีการสุ่มตรวจบางส่วน หรือตรวจน้อยลง ซึ่งจะได้ประสานคำแนะนำนี้ไปยังกรมวิชาการเกษตรต่อไป
นายพิชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2567 ไทยส่งออกทุเรียนไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 833,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97.4 ของการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจึงมีแคมเปญเพื่อสร้างภาพลักษณ์ และส่งเสริมการขายทุเรียนไทยในตลาดจีน ด้วยกลยุทธ์ครบวงจร มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ ขยายช่องทางการค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และจัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภค หวังขยายตลาดในจีนได้อย่างต่อเนื่อง
1.สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพทุเรียนไทยโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทำงานร่วมกับพาณิชย์จังหวัด เน้นจุดเด่นด้านรสชาติ คุณภาพ และความแตกต่างจากคู่แข่ง และประสานงานกับด่านศุลกากรและผู้นำเข้า อำนวยความสะดวกด้านการค้าผ่านการอัพเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์
2.ขยายตลาดออนไลน์ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ (KOLs) และไลฟ์สตรีมเมอร์ บน Douyin (TikTok), Weibo และ Xiaohongshu สร้างคอนเทนต์โปรโมตทุเรียนไทยให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ และจับมือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ เช่น ทีมอล (Tmall) และเจดีดอตคอมป์ เปิดตัวแคมเปญ “Thai Fruit Golden Month Online” กำหนดวันที่ 5 เดือน 5 เป็นวันทุเรียนไทย สร้างจุดขายให้ตรงกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผลผลิต
3.ดันยอดขายผ่านงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยนำทุเรียนไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้านำเข้าในเมืองใหญ่ เช่น งานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน และเชิญผู้นำเข้าจีนมาร่วมงานแสดงสินค้าในไทย เช่น THAIFEX เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจโดยตรง
4.กระตุ้นการบริโภคผ่านกิจกรรมพิเศษ โดยร้านอาหารไทยและคาเฟ่ในจีนนำเสนอเมนูพิเศษ เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ไอศกรีมหมอนทอง และเครื่องดื่มจากทุเรียน รวมถึงกิจกรรม “ทุเรียนทัวร์” ในซูเปอร์มาร์เก็ตและศูนย์การค้า พร้อมบุฟเฟ่ต์ทุเรียนในงานเทศกาลไทย