สหรัฐเปิดทาง รับรองอธิปไตยรัสเซียเหนือไครเมีย

ภาพ รอยเตอร์

สหรัฐเปิดทางรับรองไครเมียเป็นของรัสเซีย ส่วนหนึ่งในข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนเพื่อยุติสงคราม

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า สหรัฐเตรียมที่จะรับรองการควบคุมภูมิภาคไครเมียของยูเครนโดยรัสเซีย เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ขยายกว้างขึ้น

แหล่งข่าวระบุว่า การยอมรับที่อาจเกิดขึ้นนี้เป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐมีความกระตือรือร้นที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์กับมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเสนอแนะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลสหรัฐพร้อมถอยจากบทบาทผู้ไกล่เกลี่ยสันติภาพ หากไม่มีความคืบหน้าที่รวดเร็วเกิดขึ้น

รัฐบาลรัสเซียเข้ายึดครองไครเมียในปี 2014 ด้วยวิธีการรุกรานและตามมาด้วยการจัดลงประชามติภายใต้การยึดครอง และประชาคมระหว่างประเทศได้ต่อต้านการรับรองคาบสมุทรไครเมียเป็นของรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้การผนวกดินแดนโดยผิดกฎหมายกลายเป็นเรื่องถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่ยอมยกดินแดนไครเมียให้รัสเซีย

แต่การเคลื่อนไหวนี้จะส่งผลดีต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งพยายามแสวงหาการรับรองอธิปไตยเหนือไครเมียจากนานาชาติมาเป็นเวลานาน

แหล่งข่าวในวงเจรจากล่าวอีกว่า ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องนี้

ADVERTISMENT

สหรัฐได้เสนอข้อเสนอดังกล่าวต่อพันธมิตรเพื่อให้รัสเซียและยูเครนบรรลุข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขในการยุติการสู้รบและผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในกรณีที่เกิดการหยุดยิงถาวร

แหล่งข่าวกล่าวว่าข้อเสนอนี้จะทำให้การสู้รบในแนวหน้าหยุดชะงักลง โดยพื้นที่ยูเครนส่วนใหญ่ที่รัสเซียยึดครองอยู่ขณะนี้ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย ความต้องการของยูเครนที่จะเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ก็อยู่นอกเหนือแผนนี้เช่นกัน

แหล่งข่าวปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม โดยอ้างว่าการหารือเป็นไปในทางลับในการเจรจาที่กรุงปารีสนี้เป็นการประชุมระหว่างเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และ สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตสหรัฐ รวมถึงการหารือระหว่างรูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้เจรจาจากฝรั่งเศส เยอรมนี สหราชอาณาจักร และยูเครน ทั้งนี้ ที่ประชุมจะติดตามความคืบหน้าต่อไปในการประชุมที่กรุงลอนดอนในสัปดาห์นี้