
ผลิตภัณฑ์โซลาร์เซลล์นำเข้าจากกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และไทยถูกสหรัฐประกาศเก็บภาษีใหม่ในอัตราที่สูงอย่างมาก เพื่อลงโทษการทุ่มตลาดและตอบโต้การอุดหนุน หลังจากพบทุนจีนอยู่เบื้องหลังใช้อาเซียนเป็นฐานส่งออกไปสหรัฐ
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า สหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าใหม่ต่อผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์จาก 4 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และไทย โดยกัมพูชาสูงถึง 3,521% นับเป็นภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดและการตอบโต้การอุดหนุน เพื่อชดเชยมูลค่าของการอุดหนุนและการกำหนดราคาสินค้าที่ไม่เป็นธรรมตามที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐคำนวณไว้
ภาษีอัตราใหม่ที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน เวลาท้องถิ่น เป็นผลจากการสืบสวนการค้านาน 1 ปี ซึ่งพบว่าผู้ผลิตแผงโซล่าร์ในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และไทย ได้รับประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมจากการอุดหนุนของรัฐบาล และขายสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐในอัตราที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต การสืบสวนนี้ดำเนินการโดยผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศสหรัฐและเริ่มขึ้นสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
รอยเตอร์ (Reuters) รายงานเพิ่มเติมอีกว่า สหรัฐพบว่าทุนจีนอยู่เบื้องหลังโดยใช้ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเป็นฐาน ซึ่งย้อนไปเมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้ว สหรัฐมีการกำหนดภาษีศุลกากรที่คล้ายคลึงกันนี้ต่อการนำเข้าแผงโซลาร์จากจีน ซึ่งผู้ผลิตในจีนก็ตอบโต้ด้วยการตั้งโรงงานในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรดังกล่าว โดยสหรัฐได้เริ่มการสอบสวน ซึ่งเริ่มต้นจากคำร้องเมื่อเดือนเมษายนของคณะกรรมการการค้าเพื่อการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แห่งอเมริกันหรือ American Alliance for Solar Manufacturing Trade Committee ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทโซลาร์ต่าง ๆ ของสหรัฐ รวมถึง First Solar, Hanwha Q Cells และ Mission Solar Energy LLC
ภาษีดังกล่าวจะเก็บเพิ่มจากภาษีนำเข้าทั่วไปที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐเรียกเก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ห่วงโซ่อุปทานและตลาดทั่วโลกพลิกผันไปแล้วนั้น
จากนั้นจะมีการโหวตผลกระทบจากภาษีเรตใหม่นี้จากคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งจะลงมติในเดือนมิถุนายนนี้ หรืออีกประมาณหนึ่งเดือนว่าผู้ผลิตในประเทศได้รับอันตราย หรือถูกคุกคามจากการนำเข้าหรือไม่
“นี่คือชัยชนะที่เด็ดขาดสำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ” ทิม ไบรต์บิล รองประธานฝ่ายการค้าระหว่างประเทศของ Wiley และที่ปรึกษาของกลุ่มบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินเคสสอบสวนนี้กล่าว ซึ่งผลการค้นพบข้อเท็จจริงข้างต้นยืนยัน “สิ่งที่เรารู้มานานแล้วว่าบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีสำนักงานใหญ่ในจีนโกงระบบ ตัดราคาบริษัทในสหรัฐ และทำให้คนงานชาวอเมริกันต้องสูญเสียรายได้” เขากล่าว
ภาษีทั่วประเทศถูกกำหนดให้สูงถึง 3,521% สำหรับกัมพูชา ผลจากการตัดสินใจของกัมพูชาที่หยุดเข้าร่วมการสอบสวน ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์
บริษัทที่ไม่ได้ระบุชื่อในเวียดนามถูกตั้งภาษีสูงถึง 395.9% โดยที่ไทยถูกตั้งไว้ที่ 375.2% อัตราภาษีทั่วประเทศสำหรับมาเลเซียถูกตั้งไว้ที่ 34.4%
2 บริษัทจีนได้แก่ บริษัท Jinko Solar และ Trina Solar โดย Jinko Solar ถูกตั้งภาษีประมาณ 245% สำหรับการส่งออกจากเวียดนาม และ 40% สำหรับการส่งออกจากมาเลเซีย บริษัท Trina Solar ในประเทศไทยถูกตั้งภาษี 375% และมากกว่า 200% สำหรับการส่งออกจากเวียดนาม ส่วนโมดูล JA Solar จากเวียดนามอาจถูกตั้งภาษีประมาณ 120%
ตามข้อมูลของบลูมเบิร์กระบุว่า เมื่อปีที่แล้วสหรัฐนำเข้าอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 12,900 ล้านดอลลาร์ (ราว 428,000 ล้านบาท) จาก 4 ประเทศที่ต้องเสียภาษีใหม่นี้ คิดเป็นประมาณร้อยละ 77 ของการนำเข้าโมดูลทั้งหมด
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นชัยชนะของผู้ผลิตในประเทศ ขณะเดียวกัน ก็สร้างแรงกดดันที่คุกคามการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของประเทศอยู่แล้ว
ทั้งนี้ แม้ว่าภาษีดังกล่าวจะกำหนดขึ้นเพื่อให้ผู้ผลิตในประเทศได้รับประโยชน์ แต่ภาษีดังกล่าวยังจะส่งผลกระทบต่อผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐที่พึ่งพาอุปทานจากต่างประเทศในราคาถูกมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้เซ็กเตอร์นี้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายจากสหรัฐมีความไม่แน่นอนมากขึ้น