นิสสันล้มแผนตั้งโรงงานแบตเตอรี่ EV มุ่งฟื้นฟูบริษัท กู้วิกฤตทางการเงิน

นิสสัน ภาพโดย REUTERS/Chalinee Thirasupa
นิสสัน ภาพโดย REUTERS/Chalinee Thirasupa

นิสสันล้มแผนตั้งโรงงานแบตเตอรี่ EV มูลค่า 153,000 ล้านเยน เพื่อเร่งฟื้นฟูบริษัท กู้วิกฤตทางการเงิน

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) ล้มแผนตั้งโรงงานแบตเตอรี่ในจังหวัดฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมุ่งเน้นทรัพยากรและเงินทุนไปกับการกู้วิกฤตทางการเงิน

ค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายนี้ได้ประกาศแผนลงทุนมูลค่า 153,000 ล้านเยน (ราว 34,800 ล้านบาท) ไว้เมื่อปลายปี 2024 สำหรับการตั้งโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (LiFePO4) ซึ่งมักถูกนำไปติดตั้งบนรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

โฆษกของนิสสันกล่าวว่า โครงการดังกล่าวถูกล้มเลิกไป เพื่อการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นิสสันจำเป็นต้องฟื้นฟูศักยภาพเสียก่อน

ปัญหาหลายประการเริ่มปรากฏให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น นับตั้งแต่ตอนที่นิสสันประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน และประกาศลดกำลังผลิตลง 20% หลังผลประกอบการไตรมาส 3/2024 ยังคงอ่อนแอ ต่อจากยอดขายสุทธิในครึ่งปีแรกที่ร่วงแรง 94%

ไม่กี่สัปดาห์หลังประกาศข่าวร้าย นิสสันลงนามควบรวมกิจการกับทางฮอนด้าผ่านการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อยืดลมหายใจของนิสสันให้อยู่ได้ต่อไป ทว่าความไม่ลงรอยเกี่ยวกับดุลอำนาจที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ความเป็นหุ้นส่วนต้องยุติลงอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์

ADVERTISMENT

ปัจจัยหลักที่ทำให้นิสสันสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นผลจากการขาดแคลนผลิตภัณฑ์กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนรถยนต์ไฮบริดที่น่าดึงดูดเพียงพอ แม้รุ่นดังกล่าวจะได้รับความนิยมในอเมริกาก็ตาม

ขณะนี้นิสสันกำลังเดิมพันกับการปรับโครงสร้าง ด้วยการนำทีมของ อีวาน เอสปีโนซา (Ivan Espinosa) ซีอีโอคนใหม่ซึ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ADVERTISMENT

ในงานจัดแสดงรถยนต์ เซียงไฮ้ ออโต้โชว์ (Shanghai Autoshow) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นิสสันเผยว่าจะทุ่มเงินกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์ไปกับการดำเนินธุรกิจในจีน และจะใช้ตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงนี้ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของตัวเอง

นิสสันมีกำหนดการรายงานผลประกอบการประจำปีในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ซึ่งปีงบประมาณสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม และในเดือนที่ผ่านมา นิสสันเตือนว่าบริษัทจะมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิสูงถึง 750,000 ล้านเยน (ราว 170,000 ล้านบาท) มากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยให้คำอธิบายว่าเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร