
ข้อมูลเผยแพร่ครั้งแรก 13 พ.ค.เวลา 21.11 น.อัพเดตล่าสุด 14 พ.ค.เวลา 10.30 น.
เมื่อเร็วๆนี้ สหรัฐมีความคืบหน้าในการเจรจากับหลายชาติเอเชียที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่รวมถึงไทยที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับสองของอาเซียนและโดนเรียกเก็บภาษี 36 % ในกรอบข้อตกลงการค้าทวิภาคีฉบับใหม่ รวมถึงการลดภาษีด้วย
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งร่วมคณะของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เยือนภูมิภาคตะวันออกกลางกล่าวถ้อยแถลงในฟอรัมการลงทุนซาอุดีอาระเบีย-สหรัฐ หรือ Saudi-U.S. Investment Forum ในกรุงริยาด เมื่อ 13 พฤษภาคม 2025 โดยระบุว่า กระผมเน้นข้อตกลงในเอเชีย เรามีการเจรจาที่เกิดประสิทธิผลอย่างมากกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผู้นำประเทศ แต่ก่อนที่เกาหลีใต้จะเข้าสู่กระบวนการจัดเลือกตั้ง ฝ่ายเกาหลีใต้ได้ติดต่อมายังสหรัฐพร้อมข้อเสนอที่ดีอย่างมาก
“อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่นั้น ปัจจุบันสหรัฐมีการติดต่อที่ดีมาก ไต้หวันผลักดันข้อริเริ่มที่ยอดเยี่ยมจำนวนหนึ่ง และประเทศไทยก็ด้วยเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใด หลายสิ่งกำลังดำเนินไปด้วยดีอย่างมากในทวีปเอเชีย” เบสเซนต์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเจรจาการค้าฝ่ายสหรัฐกล่าว
ก่อนหน้านี้ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา กล่าวผ่านคลิปวิดีโอ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เปิดแผนเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐ(คลิกลิงก์ พันศักดิ์ เพื่อไทย เปิดแผนเจรจาภาษีทรัมป์ ฟังความสหรัฐ-เข้าใจจีน) ยืนยันไทยพร้อมเจรจา พร้อมลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐมาแปรรูปขายนักท่องเที่ยว 30 ล้านคนในไทย และส่งขายทั่วโลก พร้อมชูจุดแข็งไทย เป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพโลก ด้วยการแข่งขัน ซึ่งรัฐบาลนี้สนทนาทั้งสหรัฐ-จีน โดยไม่เข้าข้างใคร
นอกจากนี้ เบสเซนต์ยังได้กล่าวชื่นชมการเจรจาการค้ากับจีนที่นครเจนีวา เมื่อ 10-11 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่าเป็นการเจรจาที่สร้างสรรค์อย่างมาก สองฝ่ายได้มีการลดภาษีระหว่างกันชั่วคราว พร้อมย้ำว่าการเจรจากับจีนไม่ได้เป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ แต่สองประเทศมีข้อตกลงระหว่างกันอยู่แล้ว
ทั้งนี้ สหรัฐและจีนมีข้อตกลงการค้ากันอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งลงนามเมื่อสิ้นสุดวาระแรกของทรัมป์ในเดือนมกราคม 2020 ในเวลานั้น ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกข้อตกลงนี้ว่า “ประวัติศาสตร์” และกล่าวว่าข้อตกลงนี้กำลังแก้ไขความผิดพลาดในอดีต และภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จีนให้คำมั่นที่จะซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มเติมมูลค่ากว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ (6.5 ล้านล้านบาท) และเปิดตลาดให้กับภาคการเกษตรและบริการทางการเงินของสหรัฐ แต่ทรัมป์ระบุว่าจีนไม่ได้ทำตามสัญญาในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
สำหรับเวทีการลงทุน ซาอุดี-สหรัฐเป็นการประชุมทางเศรษฐกิจระดับสูงที่จัดขึ้นในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าและการลงทุนทวิภาคีระหว่างราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอเมริกา การประชุมในปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 13 พ.ค. ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลอาซิซ ซึ่งตรงกับการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของทรัมป์