ICAO ลงมติชี้ขาด รัสเซียยิงเที่ยวบิน MH17 ตก ผู้โดยสารเสียชีวิตยกลำปี 2014

ซากเครื่องบิน MH17 ที่ประกอบขึ้นใหม่ หลังเหตุการณ์เครื่องบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สตกในยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 ถ่ายเมื่อ 13 ตุลาคม 2015 (ภาพ REUTERS)

สภาการบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) พบว่ารัสเซียยิงเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตยกลำ 298 ราย เมื่อปี 2014

สภาขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ International Civil Aviation Organization (ICAO) ในสังกัดสหประชาชาติลงมติชี้ขาดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น ว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการตกของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 จากกรณีไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายการบินระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้รัฐต่าง ๆ “งดเว้นการใช้อาวุธโจมตีเครื่องบินพลเรือนขณะบิน” คดีนี้ยื่นโดยเนเธอร์แลนด์และออสเตรเลีย

ICAO กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ ICAO ที่สภาได้ตัดสินใจเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทระหว่างประเทศสมาชิกภายใต้กลไกการระงับข้อพิพาทขององค์กร

สมาชิกคณะผู้แทนในภารกิจตรวจสอบพิเศษขององค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ในยูเครน ตรวจสอบจุดที่เครื่องบิน MH17 ตกในเดือนกรกฎาคม 2014 ภาพ : OSCE/Evgeniy Maloletka

ด้านทีมสอบสวน (JIT) ที่ตั้งขึ้นโดยเนเธอแลนด์ ซึ่งมีสมาชิกจากออสเตรเลีย มาเลเซีย เบลเยียมและยูเครน ระบุว่าเที่ยวบิน MH17 ถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธที่ยิงมาจากฐานทัพสำหรับยิงระบบขีปนาวุธบุค (Buk TELAR) ซึ่งขนส่งมาจากรัสเซียไปยังทุ่งนาในยูเครนตะวันออกในพื้นที่ที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียควบคุมอยู่

สำหรับเที่ยวบิน MH17 กำลังมุ่งหน้าจากอัมสเตอร์ดัมไปยังกัวลาลัมเปอร์ เมื่อถูกยิงตกเหนือยูเครนทางด้านตะวันออก ท่ามกลางการสู้รบระหว่างกลุ่มกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซียและกองกำลังทหารยูเครน ส่งผลให้ผู้โดยสาร 283 ราย และลูกเรือ 15 ราย เสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งมี 17 สัญชาติ รวมถึงพลเมืองดัตช์ 196 ราย พลเมืองมาเลเซีย 43 ราย และพลเมืองหรือผู้พำนักอาศัยในออสเตรเลีย 38 ราย

ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินทั้ง 298 ราย เสียชีวิตทั้งหมด เมื่อเครื่องบินถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธที่ผลิตโดยรัสเซีย รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธความรับผิดชอบต่อภัยพิบัติทางอากาศดังกล่าวมาโดยตลอด

ADVERTISMENT

“เราเรียกร้องให้รัสเซียเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงอันน่าสยดสยองครั้งนี้ และชดใช้ความผิดจากการกระทำที่โหดร้ายนี้” เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวในแถลงการณ์