เจนเซน หวง ฟาดสหรัฐ “ล้มเหลว” คุมส่งออกชิปทำเทคจีนโตกว่าเดิม

เจนเซน หวง ภาพโดย REUTERS/Ann Wang
เจนเซน หวง ภาพโดย REUTERS/Ann Wang

เจนเซน หวง ฟาดกฎหมายคุมส่งออกชิปของสหรัฐ นับเป็นความล้มเหลว และเรียกร้องให้ยกเลิก ก่อนที่หัวเว่ยจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไปแทนทั้งหมด

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอเอ็นวิเดีย (Nvidia) ฟาดความล้มเหลวของสหรัฐ ที่ต้องการสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงชิปล้ำสมัย ทั้งยังเรียกร้องให้ทำเนียบขาวลดกำแพงการค้าลง ก่อนที่บริษัทอเมริกันจะต้องเสียตลาดให้กับคู่แข่งอย่างหัวเว่ย (Huawei)

เจนเซน หวง เรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายขับเคลื่อนเทคโนโลยีเอไอจากสหรัฐ ด้วยการลดกำแพงการส่งออก ที่มุ่งเป้าบั่นทอนการเติบโตของคู่แข่งด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐกลับยินยอมให้ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งมีความใกล้ชิดกับจีนอย่างมากสามารถเข้าถึงชิปได้

ที่งานคอมพิวเทกซ์ (Computex) ในไต้หวัน เจนเซน หวง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จีนถือเป็นตลาดสำคัญด้วยมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.63 ล้านล้านบาท) ในปี 2026 ซึ่งหากเอ็นวิเดียไม่สามารถเจาะตลาดเข้าไปได้ เงินส่วนนี้จะไหลไปยังบริษัทเทคเจ้าอื่นในจีน

“โดยรวมแล้ว การควบคุมการส่งออกนับเป็นความล้มเหลว สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐควรทำคือเร่งสปีดการแพร่กระจายของเอไอ เพราะถ้าเราไม่ทำ คู่แข่งก็พร้อมจะมาแทน ตอนนี้นักพัฒนาเอไอทั่วโลกกว่าครึ่งอยู่ที่จีน แต่ที่สำคัญกว่าคือ คนพวกนั้นพัฒนาเอไอด้วยสถาปัตยกรรมของอเมริกา”

ทั้งนี้ เอ็นวิเดียถือเป็นหัวใจหลักของกระแสเห่อเอไอทั่วโลก และจะได้ประโยชน์อย่างมากจากข้อจำกัดที่น้อยลง และที่สำคัญ ทรรศนะของเจนเซน หวง ตรงกันกับเดวิด แซกส์ (David Sacks) ที่ปรึกษาด้านเอไอของทำเนียบขาว ผู้ซึ่งผลักดันให้อเมริกาเป็นรากฐานของการพัฒนาเอไอ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กำลังเพิกถอนข้อห้ามส่งออกชิปเอ็นวิเดียอยู่

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าหน้าที่จากสหรัฐยืนกรานว่ารัฐบาลสหรัฐคัดค้านการใช้ชิปจากหัวเว่ย บริษัทเทคชั้นนำของจีน ทำให้รัฐบาลจีนไม่พอใจอย่างรุนแรง

ADVERTISMENT

ไม่เพียงเท่านั้น เจนเซน หวง ยังเน้นย้ำถึงจุดแข็งของจีนที่อุดมไปด้วยพลังงานและที่ดินมหาศาล ทำให้การควบคุมประสิทธิภาพชิปไม่มีผลอะไร นอกจากเอื้อให้จีนซื้อชิปจากบริษัทเทคในประเทศอย่างหัวเว่ยมากขึ้น