สหรัฐขาดดุลน้อยลง หลังเก็บภาษีอากรได้สูงเป็นประวัติการณ์

สหรัฐขาดดุลน้อยลง หลังเก็บภาษีอากรเพิ่มสี่เท่า สูงเป็นประวัติการณ์

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า กระทรวงคลังสหรัฐเผยในวันที่ 11 มิถุนายน 2025 ว่าสหรัฐมีการขาดดุลงบประมาณ 316,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 10.25 ล้านล้านบาท) ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งขาดดุลลดลง 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY) หรือคิดเป็น 31,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) เนื่องจากเก็บภาษีศุลกากรได้เพิ่มขึ้นสี่เท่า มากเป็นประวัติการณ์ที่ 23,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 746,000 ล้านบาท) หลังโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศขึ้นภาษีศุลกากรกับหลายประเทศคู่ค้า

รายรับภาษีอากรทั้งหมดโตพรวดในเดือนพฤษภาคม จากที่เคยเก็บได้ 6,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 194,000 ล้านบาท) ในเดือนพฤษภาคม 2024 สะท้อนผลกระทบของมาตรการภาษีแบบตอบโต้ที่เรียกเก็บในเดือนเมษายนอย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่าสหรัฐเรียกเก็บอากรได้แล้วกว่า 86,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.79 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นเกือบ 60% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YOY)

รายรับภาษีทั้งหมดในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 371,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 12 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 15% หรือ 48,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.55 ล้านล้านบาท) จากปีก่อน (YOY) ขณะที่รายจ่ายภาครัฐแตะระดับ 687,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 22.3 ล้านดอลลาร์) หรือเพิ่มขึ้น 16,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 519,000 ล้านบาท)

เมื่อปรับความผันผวนของปีปฏิทิน เนื่องจากเดือนมิถุนายนของทั้งปี 2024 และ 2025 เริ่มในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว เดือนพฤษภาคม 2025 ขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 219,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.10 ล้านล้านบาท) ลดลง 17% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ขาดดุลงบประมาณ 263,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 8.53 ล้านล้านบาท)

ดอกเบี้ยหนี้สาธารณะของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ถือเป็นรายจ่ายก้อนโตของรัฐบาล ร่วงลง 11,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 357,000 ล้านบาท) หรือ 10% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบจากปีก่อน (YOY) เหลือ 92,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.98 ล้านล้านบาท) หลังจากที่ลดลง 1,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 32,470 ล้านบาท) ในเดือนเมษายน 2025

สหรัฐขาดดุลแล้ว 1.356 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 44.03 ล้านล้านบาท) ตลอดระยะเวลาแปดเดือนแรกของงบประมาณปี 2025 หรือเพิ่มขึ้น 14% จาก 1.02 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 33.12 ล้านล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน (YOY)

รายรับภาษีรวมแตะ 3.482 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 113.08 ล้านล้านบาท) มากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% (YOY) หรือ 194,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.3 ล้านล้านบาท) เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์เช่นกันที่ 4.846 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 8% คิดเป็น 356,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 11.56 ล้านล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีก่อน (YOY)