
ธนาคารโลกห่วงเมียนมา เศรษฐกิจย่ำแย่ลงกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ จากเหตุแผ่นดินไหว คาดจีดีพีหดตัว 2.5% ปีนี้
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ตามรายงานของธนาคารโลก เศรษฐกิจของเมียนมามีแต่จะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ จนหนักสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม สร้างความเสียหายหนักเป็นมูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 356,900 ล้านบาท) มีผู้เสียชีวิตราว 3,800 ราย และ 207,000 คนต้องอพยพออกจากเมืองมัณฑะเลย์ และเนปิดอว์
แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ในวันที่ 28 มีนาคม 20225 สร้างผลกระทบต่อประชากรเมียนมากว่า 17 ล้านคน ซึ่งสร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน โครงสร้างสาธารณะ ตลอดจนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญอื่น ๆ เป็นมูลค่าประมาณ 1 ใน 3 ของจีดีพี ซึ่งธนาคารโลกระบุว่า ยิ่งตอกย้ำปัญหาที่ท้าทายมากอยู่แล้ว ให้ยากขึ้นไปอีก
ธนาคารโลกประมาณการไว้ว่า แผ่นดินไหวจะกระทบต่อเศรษฐกิจเมียนมาราว 4% ในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 โดยธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะหดตัว 2.5% ในปี 2025-26 ก่อนจะฟื้นกลับมาเติบโตที่ 3% ในปีถัดไป จากการฟื้นฟูบูรณะโครงสร้างพื้นฐานใหม่
ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเมียนมาจะมีเศรษฐกิจขยายตัว 2% ในปีนี้ และคาดว่าภูมิภาคที่เติบโตแย่สุด จะมีการผลิตลดลงราว 1 ใน 3 ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน
ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคารโลกยังมองว่าเมียนมาจะเผชิญอาฟเตอร์ช็อกทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงตามมา ซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่เดิม
เมียนมาต้องเผชิญกับสงครามกลางเมือง ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและขาดแคลนเงินดอลลาร์อย่างหนัก หลังมีการรัฐประหารโดยกองทัพในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 จนเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่อต้านที่ต้องการสู้เพื่อเรียกร้องอิสรภาพ ทำให้มีผู้อพยพรวมกันราว 3.5 ล้านคน ตามประมาณการของสหประชาชาติ
ตามข้อมูลจากธนาคารโลก เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 34.1% ตลอดปีจนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนเดือนพฤษภาคมเงินเฟ้อประคองตัวที่ระดับ 31% ในปีงบประมาณล่าสุด หลังห่วงโซ่อุปทานต้องเผชิญกับความปั่นป่วน หลังเกิดแผ่นดินไหว อัตราความยากจนอาจเพิ่มขึ้นอีก 2.8 จุดเปอร์เซ็นต์ จากที่พุ่งแตะระดับ 31% ในปีที่ผ่านมา
เมียนมาเผชิญงบประมาณขาดดุลเพิ่มมากขึ้นเป็น 6.9% ในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 จากระดับ 5.1% ในปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินที่กู้มาจากธนาคารกลาง
เมลินดา กู้ด (Melinda Good) ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำเมียนมาและประเทศไทย ระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตและที่อยู่อาศัยไปหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจที่เลวร้ายอยู่ก่อนแล้ว โดยความพยายามฟื้นฟูและช่วยเหลือจำเป็นอย่างยิ่งต่อประชากรผู้ที่กำลังเปราะบางอยู่ในขณะนี้