“แคนาดา” รีดภาษีสินค้าโต้กลับสหรัฐ กว่า 4 แสนล้านบ. มีผลวันชาติ ลั่นทำด้วยความเสียใจ!

AFP PHOTO / SAUL LOEB

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา แคนาดาประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันกับสหรัฐอเมริกาแล้ว ที่จะมีผลต่อสินค้าเหล็ก อะลูมิเนียม และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่น น้ำส้ม ซอสมะเขือเทศ และวิสกี้เบอร์เบิน มีมูลค่ารวมราว 16,600 ล้านดอลลาร์แคนาดา (หรือราว 416,660 ล้านบาท) โดยจะมีผลในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคมนี้ ที่ชาวแคนาดาจะฉลองวันชาติของตนเองและมีขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้าที่ชาวอเมริกันจะฉลองวันชาติสหรัฐ

การประกาศมาตรการทางภาษีนี้ของแคนาดามีขึ้นเพื่อตอบโต้การจุดชนวนสงครามการค้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ที่ประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้าเหล็ก 25 เปอร์เซ็นต์ และอลูมิเนียม 10 เปอร์เซ็นต์ ที่นำเข้าจากประเทศที่รัฐบาลทรัมป์ระบุว่าทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

มาตรการตอบโต้ทางภาษีนี้ของแคนาดาจะมีผลต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐมากกว่า 250 รายการ อาทิ น้ำส้มจากรัฐฟลอริดา กระดาษทิชชู่จากวิสคอนซิน วิสกี้เบอร์เบินจากเคนทักกี และแตงกวาจากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่ล้วนเป็นพื้นที่รัฐฐานเสียงสนับสนุนของทรัมป์ทั้งสิ้น นอกเหนือจาการจัดเก็บภาษีสินค้าเหล็กจากสหรัฐ 25 เปอร์เซ็นต์ และ อลูมิเนียม 10 เปอร์เซ็นต์

แถลงการณ์จากสำนักงานนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่ออกมาเมื่อวันศุกร์(29 มิ.ย.) ระบุว่า นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา กล่าวว่า แคนาดาไม่มีทางเลือกที่จะต้องประกาศมาตรการตอบโต้ต่อการเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 อย่างไรก็ดีผู้นำทั้งสองประเทศยังคงเห็นพ้องที่จะติดต่อกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

ขณะที่นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา กล่าวในระหว่างการประกาศมาตรการนี้ที่เมืองแฮมิลตัน ในรัฐออนแทริโอว่า เราจะไม่ทำให้บานปลายและเราจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ พร้อมกับชี้ว่าการตอบโต้ทางการค้าครั้งนี้ถือว่าเป็นการตอบโต้แข็งกร้าวที่สุดของแคนาดานับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังย้ำว่าแคนาดาทำแบบนี้ด้วย “ความเสียใจ และเศร้าใจอย่างมากๆ ไม่ใช่ด้วยความโกรธ” ต่อชาติพันธมิตรใกล้ชิด

ทั้งนี้จากข้อมูลของทางกาสหรัฐระบุว่า แคนาดาและสหรัฐเป็นหนึ่งในสองชาติคู่ค้ารายใหญ่สุดของโลก ที่มีมูลค่าการค้าสินค้าและบริการระหว่างกันในปี 2560 ที่ราว 673,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐได้เปรียบดุลการค้าเพียงเล็กน้อยราว 8,400 ล้านดอลลาร์

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์