ทางเลือกอิหร่าน ต้องคิดถึงจีนลูกค้าน้ำมัน No.1

แผนที่แสดงช่องแคบฮอร์มุซ (ภาพ REUTERS/Dado Ruvic/Illustration)

การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านหลัก ๆ สามแห่งของสหรัฐ ได้แก่ ฟอร์โดว์ นาตันซ์ เอสฟาฮาน เมื่อคืนวันที่ 21 มิถุนายน เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เปราะบางต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากระยะเวลาพักภาษีต่างตอบโต้หรือตอบแทนของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะหมดลงในราวอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า

แนวโน้มในขณะนี้ขึ้นอยู่กับว่าอิหร่านจะตอบโต้อย่างรุนแรงแค่ไหน ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในตะวันออกกลางน่าจะรู้สึกได้จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น

อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า การโจมตีของสหรัฐเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงและจะส่งผลกระทบอย่างถาวร และได้อ้างกฎบัตรสหประชาชาติ (UN) เกี่ยวกับบทบัญญัติในการป้องกันตนเอง ว่าอิหร่านสงวนสิทธิใช้ทางเลือกทั้งหมดเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตย ผลประโยชน์ และประชาชน

ทางเลือกสามทางสำหรับอิหร่านที่จะตอบโต้ :

1.การโจมตีบุคลากรและทรัพย์สินของสหรัฐในภูมิภาค

2.การกำหนดเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในภูมิภาค
3.การปิดช่องแคบฮอร์มุซโดยใช้ทุ่นระเบิดใต้น้ำ หรือคุกคามเรือที่ผ่าน

ในสถานการณ์สุดขั้วที่หากช่องแคบฮอร์มุซถูกปิด ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งสูงเกิน 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจทำให้ดัชนี CPI ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางอื่น ๆ ต้องเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตออกไป

ADVERTISMENT

น้ำมันดิบราว 1 ใน 5 ของปริมาณการผลิตน้ำมันทั่วโลกต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งอยู่ระหว่างอิหร่านและประเทศเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซีย เช่น ซาอุดีอาระเบีย

การหยุดชะงักในการจัดหาน้ำมันจะส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากอิหร่านรายใหญ่ที่สุดในโลกและมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับเตหะราน โดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้จีนป้องกันไม่ให้อิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ราคาอ้างอิงหลักในการซื้อน้ำมันดิบทั่วโลกแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนนับจากเดือนมกราคม 2025 ไปอยู่ที่ 78.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 23.22 น. GMT ของวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน

“ปัจจุบันสหรัฐมีท่าทีด้านการทหารที่แข็งแกร่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีตอบโต้จากอิหร่าน แต่ความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันคือสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายลงอย่างรุนแรง” ซาอูล คาโวนิก หัวหน้าฝ่ายวิจัยพลังงานของ MST Financial กล่าว

ราคาน้ำมันดิบส่งผลกระทบทุกอย่าง ตั้งแต่ราคาน้ำมันที่เติมรถ ไปจนถึงราคาอาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนซื้อน้ำมันจากอิหร่านมากกว่าประเทศอื่น ๆ โดยนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านเกิน 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนที่แล้ว อ้างอิงตามข้อมูลของบริษัทติดตามการเดินเรือ Vortexa

วานดานา ฮารี นักวิเคราะห์ด้านพลังงานกล่าวว่า อิหร่านแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่เสียไปมากจากการปิดช่องแคบ กล่าวคืออิหร่านเสี่ยงที่จะเปลี่ยนเพื่อนบ้านผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซในอ่าวเปอร์เซียให้กลายเป็นศัตรู และทำให้จีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญโกรธแค้น เนื่องจากต้องรบกวนการจราจรในช่องแคบ

ฟู่ ชง ผู้แทนถาวรของจีนประจำสหประชาชาติกล่าวในการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า จีนประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีอิหร่านของสหรัฐ

แม้ว่านักลงทุนอาจกังวลว่าอุปทานอาจหยุดชะงักหากการสู้รบทวีความรุนแรงขึ้น แต่สมาชิก OPEC+ รวมถึงผู้นำกลุ่มโดยพฤตินัยอย่างซาอุดีอาระเบีย ยังคงมีกำลังการผลิตสำรองจำนวนมากที่สามารถเปิดใช้งานได้ นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศอาจเลือกที่จะประสานงานการปล่อยสต๊อกฉุกเฉินเพื่อพยายามทำให้ราคาคงที่

 

อ้างอิง :

บลูมเบิร์ก

บีบีซี