เทรนด์การท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันที่นิยมวางแผนเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองกำลังเป็นที่นิยม รวมถึงการค้นหาที่พักที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ได้สัมผัสวิถีการใช้ชีวิตของคนท้องถิ่นมากขึ้น โดยเฉพาะกระแสตอบรับจากแพลตฟอร์ม Airbnb ที่จุดพลุให้เทรนด์ที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม หรือ “nonhotel” เติบโตอย่างน่าสนใจ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า “อโกด้า” เว็บไซต์ให้บริการจองที่พักออนไลน์ ประกาศแผนขยายการให้บริการจองที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม หรือที่เรียกว่า nonhotel อาทิ บ้านและอพาร์ตเมนต์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มนักท่องเที่ยวในโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ถือว่าเป็นตลาดสำคัญในปัจจุบัน และเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมการเลือกที่พักเปลี่ยนไปชัดเจนมากที่สุด
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
นายจอห์น บราวน์ ซีอีโออโกด้า กล่าวว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศเอเชียนิยมเลือกที่จะพักใน “อพาร์ตเมนต์” แม้ว่าห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาว จะมีราคาเฉลี่ยเพียง 100-150 ดอลลาร์ต่อคืนก็ตาม สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวนั้นมุ่งไปที่การท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นจริง ๆ มากขึ้น
ข้อมูลของอโกด้าระบุว่า ช่องทางบริการจองที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมเติบโตเร็วกว่าเว็บไซต์บริการจองโรงแรม ราว 30-40% ในช่วงหลายปีก่อน ขณะเดียวกันข้อมูลของ Booking.com ระบุว่า ในปีที่ผ่านมาอัตราการจองห้องพักที่ไม่ใช่โรงแรมมีการเติบโตราว 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 5 ล้านคน
ผลสำรวจนักท่องเที่ยวราว 57,000 คน ที่ใช้บริการใน 30 ประเทศของ Booking.com แสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ว่า ต้องการห้องพักที่ไม่ใช่โรงแรมที่หลากหลายขึ้น เช่น คอนโดมิเนียมตั้งแต่ในระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับคอนโดฯหรู และราว 19,000 คน ระบุว่ากำลังสนใจการเช่าบ้านพักตากอากาศ ซึ่งน่าจะได้ประสบการณ์จริงมากกว่าการพักในโรงแรม
ส่วน Airbnb ต้นตำรับแพลตฟอร์มแบ่งปันที่พักอาศัยส่วนตัว ให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ระบุว่า ยอดผู้ใช้บริการจองที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมในปี 2017 มีราว ๆ 4.85 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 25% เมื่อเทียบกับปี 2016 ขณะที่ยอดการค้นหาโรงแรมเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยนายโอลิเวียเออร์ แกรมมิลเลียน รองประธานของ Booking.com กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า “ทั้ง Booking.com และเว็บไซต์อื่น ๆ ในเครือ พยายามอย่างหนักที่จะผลักดันช่องทางการบริการจองที่พักประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรงแรม โดยเฉพาะบ้านและอพาร์ตเมนต์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะนำเสนอทางเลือกและความหลากหลายให้กับลูกค้าได้ในทุกระดับ ขณะเดียวกันบริการจองโรงแรมยังคงมีเหมือนเดิม เพียงแต่เชื่อว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า อาจจะเห็นยอดการค้นหาและการจองโรงแรมลดลงเรื่อยๆ”
สอดคล้องกับข้อมูลของเว็บไซต์จองที่พัก Expedia ที่ระบุว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ไทย, จีน และเวียดนาม ได้ค้นหาและจองที่พักที่ไม่ใช่โรงแรมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเป็นการอ้างข้อมูลจาก “Homeaway” เว็บไซต์บริการให้เช่าที่พักตากอากาศในเครือของ Expedia ซึ่งมีอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาถึง 34%
ทั้งนี้ เว็บไซต์ของ Expedia ระบุว่า เทรนด์การจองโรงแรมที่ปรับลดลงจะชัดเจนขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า และสิ่งที่จะตามมาก็คือ เว็บไซต์การจองที่พักออนไลน์ (ประเภทโรงแรม) จะคลอดแคมเปญเพื่อแข่งขันกัน ทั้งในแง่ของราคาและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า
เว็บไซต์ “Google trends” หนึ่งในเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ในข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ปรากฏข้อมูลในหัวข้อการค้นหา “การจองโรงแรม” ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ามีการค้นหาโรงแรมที่ลดลงเล็กน้อย สอดคล้องกับข้อมูลจากเว็บไซต์การจองที่พักอื่นๆ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในวงการท่องเที่ยวกล่าวกับบลูมเบิร์กว่า โลกในยุคดิจิทัลทำให้เกิดตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นสำหรับผู้บริโภค รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็จำเป็นต้องปรับตัวเพิ่มสิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ดีมานด์นักท่องเที่ยวที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน