รอยเตอร์สรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมาบริษัท ฟอร์ดมอเตอร์ ปรับลดประมาณการกำไรทั้งปี เนื่องจากยอดขายและภาษีการค้าที่ลดลงในจีน รวมถึงธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาในยุโรป เเละยังได้เปิดเผยแผนงานต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงธุรกิจของบริษัท อาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีได้ถึง 11 พันล้านดอลลาร์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
ฟอร์ดซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของสหรัฐฯได้เลื่อนการประชุมกับนักลงทุนที่กำหนดไว้ในเดือนกันยายน โดย Bob Shanks หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัท กล่าวกับนักวิเคราะห์ในการประชุมทางโทรศัพท์ ว่า การวางเเผนจะต้องเป็นไปอย่างรอบครอบ เเละจะต้องสามารถจัดการกับส่วนบกพร่องในธุรกิจได้ ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุง หรือตัดทิ้งออกไป
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
นักวิเคราะห์ถามไปยัง จิม แฮ็กเก็ตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารว่า ในวันประชุมใหม่ที่เลื่อนออกไปนั้น เขายังคาดหวังว่าจะยังคงเป็นผู้นำของฟอร์ด ซึ่งเขาก้ยังคงคาดหวังให้เป็นอย่างนั้น
ทั้งนี้ ฟอร์ดรายงานว่ากำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเนื่องจากขาดแคลนผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วน ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ปิดอัพรุ่นยอดนิยม รวมไปถึงยอดขายเเละภาษีที่ลดลงส่งผลกระทบต่อธุรกิจรถยนต์ ซึ่งขัดขวางการผลิตรถปิคอัพยอดนิยมในขณะที่ยอดขายและภาษีลดลงส่งผลกระทบต่อธุรกิจรถยนต์ในจีน หุ้นของฟอร์ดร่วงลง 3.7 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดนอกเวลาทำการ
ในช่วง 5 เดือนเเรกของปีนี้ ยอดขายของฟอร์ดในจีนลดลงกว่า 22 เปอร์เซ็นต์ บริษัทกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า จะยังคงไม่มีการปรับขึ้นราคารถยนต์ฟอร์ดนำเข้า เเละรุ่นลินคอล์นสุดหรูที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นในประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางภาษีเพิ่มขึ้นจากยานพาหนะที่สหรัฐฯ
ฟอร์ดรายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานในจีนในไตรมาสที่ 2 จำนวน 483 ล้านดอลลาร์
นายจิม ฟาร์ลีย์ ประธานตลาดทั่วโลกของฟอร์ดกล่าวว่า บริษัทจะยังไม่เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของฟอร์ดในจีน จนกว่าจะมีการเปิดตัวรถสปอร์ตยูทิลิตี้ใหม่ในปี 2019 เเละ 2020
Shanks กล่าวว่า การดำเนินงานในอเมริกาใต้ของฟอร์ดยังไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสมตั้งแต่ปี 2004 และกล่าวว่า บริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่การออกแบบใหม่อย่างมีนัยสำคัญ โดยเกือบทั้งหมดของผลกำไรรายไตรมาสของฟอร์ดมาจากการขายรถปิกอัพที่มีอัตรากำไรสูงเช่น F-150 และ SUV เเละในอเมริกาเหนือผู้ผลิตรถยนต์ได้พึ่งยอดขายรถรุ่น F-150 มากยิ่งขึ้น
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาฟอร์ดปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีลงเป็น 1.30-1.5 ดอลลาร์ต่อหุ้นจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 1.45-1.7 ดอลลาร์ต่อหุ้น นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นในปีนี้จะอยู่ที่ 1.52 เหรียญ โดยกำไรสุทธิไตรมาสสองที่ 1.07 พันล้านดอลลาร์หรือ 27 เซนต์ต่อหุ้นเมื่อเทียบกับ 2.05 พันล้านดอลลาร์หรือ 51 เซนต์ต่อหุ้นในปีก่อนหน้า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรจะอยู่ที่ 31 เซนต์ต่อหุ้นตามที่ Thomson Reuters รายงาน
