สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมาระบุว่า ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กลดลงในช่วงคืนที่ผ่านมาถึง 19 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ ‘เฟซบุ๊ก’ มีมูลค่าลดลงมากถึง 119,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.9 ล้านล้านบาท ทำสถิติการลดค่าของหุ้นที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
รายงานระบุว่ามูลค่าที่หายไปมากพอๆ กับมูลค่าการตลาดทั้งหมดของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแม็กโดนัลด์ ไนกี้ และไอบีเอ็ม
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
การลดลงดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กหล่นไปอยู่ที่ 196.26 ดอลลาร์สหรัฐนับเป็นราคาที่ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่เฟซบุ๊กเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นครั้งแรกในปี 2012
ด้านนิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า การลดลงของหุ้นเฟซบุ๊กครั้งนี้ทำให้ทรัพย์สินของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ลดลง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 500,000 ล้านบาทเหลือราว 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.2 ล้านล้านบาท
มูลค่าความร่ำรวยของซัคเคอร์เบิร์กที่หายไปนั้นเท่ากับทรัพย์สินของบุคคลที่ร่ำรวยอันดับที่ 81 ของโลกเลยทีเดียว
การลดลงของหุ้นบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลกมีขึ้น 1 วันหลังจากเฟซบุ๊กไม่สามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน พร้อมทั้งเตือนว่าการเติบโตนั้นอาจจะมีอัตราที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าแนวโน้มดังกล่าวไม่เพียงเกิดขึ้นจากปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวที่เฟซบุ๊กกำลังเผชิญ ทว่ายังส่งผลให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับปัญหาระยะยาวโดยเฉพาะความดึงดูดของเฟซบุ๊กที่มีต่อผู้ใช้อายุน้อยมีน้อยลง
ทั้งนี้กำไรของเฟซบุ๊กในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ ที่ 5,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 42 เปอร์เซ็นต์ ที่ 13,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
ในส่วนของฐานผู้ใช้ของเฟซบุ๊กนั้นยังคงเติบโตขึ้นแต่ไม่ได้รวดเร็วอย่างที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยยอดผู้ใช้รายเดือนเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ เป็น 2,230 ล้านคน น้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 2,250 ล้านคน
