รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่ากำลังพิจารณาจะปรับขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 200,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 25% ซึ่งมากกว่าตัวเลขเดิมที่เคยระบุไว้ว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีเพิ่มขึ้นที่ 10% กว่าสองเท่า
การทบทวนปรับเพิ่มมาตรการภาษีดังกล่าวมาจากคำร้องขอของทรัมป์ที่ต้องการใช้มาตรการภาษีเพื่อบีบให้จีนปรับเปลี่ยนแนวปฏิบัติทางการค้า อย่างไรก็ดีหลายฝ่ายมองว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ทำเนียบขาวยืนยันว่า การเพิ่มกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมาตรการตอบโต้การค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งทรัมป์ชี้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมหาศาล ขณะที่จีนได้เคยออกมาเตือนแล้วว่าจะใช้มาตรการตอบโต้หากสหรัฐยังคงเดินหน้าตามแผนการดังกล่าว พร้อมกับกล่าวหาสหรัฐว่ากระทำการแบล็คเมล์จีน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า หากสหรัฐดำเนินมาตรการที่ทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงมากขึ้น จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมทั้งทางกฏหมายและทางปฏิบัติ รวมถึงปกป้องผลประโยชน์ของจีนอย่างแน่นอนเช่นกัน
ทั้งนี้การปรับขึ้นกำแพงภาษีรอบแรกของสหรัฐมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสหรัฐได้มีการปรับเพิ่มกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจีนมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้น 25% ซึ่งจีนก็ได้ปรับขึ้นภาษีเพื่อตอบโต้ในมูลค่าที่เท่าเทียมกัน
ที่มา : มติชนออนไลน์