‘ยูเอ็น’ เตือนเด็กโรฮีนจาจะกลายเป็นคนในยุคสมัยที่ไร้ซึ่งความหวัง

AFP PHOTO / Munir UZ ZAMAN

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาเตือนว่ากำลังจะเกิดภาวะของยุคสมัยที่ไร้สิ้นซึ่งความหวังสำหรับเด็กมุสลิมชาวโรฮีนจาที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ โดยพวกเขาไม่เพียงแต่ต้องพบเจอกับโรคร้ายไปจนถึงภัยน้ำท่วม ขณะที่เด็กชาวโรฮีนจาที่ยังอยู่ในเมียนมาก็ขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่เหมาะสม

โฆษกของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุว่า ขณะนี้กำลังมีความเสี่ยงที่เด็กชาวโรฮีนจาในยุคนี้ต้องเผชิญกับยุคสมัยที่ไร้สิ้นซึ่งความหวัง เพราะไม่เพียงแต่จะมีเด็กกว่า 500,000 คน หรือมากกว่านั้น ในค่ายผู้อพยพที่บังกลาเทศ แต่ยังคงมีเด็กอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้ในรัฐยะไข่ ซึ่งขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาหรือมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างไม่ต่อเนื่อง

ยูเอ็นคาดการณ์ว่ามีชาวโรฮีนจาราว 530,000-600,000 คนที่ยังคงอยู่ในรัฐยะไข่ ในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 360,000 คน อย่างไรก็ดี ตัวเลขทั้งหมดเป็นเพียงการประเมินแบบคร่าวๆ เพราะยูเอ็นสามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างจำกัด

โฆษกยูนิเซฟระบุด้วยว่า โอกาสที่ชาวโรฮีนจาในบังกลาเทศจะเดินทางกลับเข้าไปยังเมียนมาในเวลาอันใกล้มีน้อยมาก แม้รัฐบาลเมียนมาและหน่วยงานของยูเอ็นจะได้ลงนามความตกลงเพื่อส่งกลับผู้ลี้ภัยโดยสมัครใจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ในรัฐยะไข่ยังคงไม่ปลอดภัย

ทั้งนี้ ยูนิเซฟกำลังขยายโครงการเพื่อการศึกษาให้กับเด็กชาวโรฮีนจาในค่ายผู้อพยพที่บังกลาเทศ จากโครงการในปัจจุบันที่ให้การศึกษากับเด็กจนถึงอายุ 14 ปี เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของเด็กที่มีอายุมากกว่านั้นได้อีกด้วย

วันเดียวกันองค์กรการกุศลเซฟเดอะชิลเดรนได้เผยแพร่ผลสำรวจใหม่ที่ชี้ให้เห็นว่า กว่าครึ่งหนึ่งของเด็กชาวมุสลิมโรฮีนจาที่อยู่ในบังกลาเทศเป็นเด็กกำพร้าอันเนื่องมาจากความรุนแรงในเมียนมา ไม่ใช่เพิ่งถูกแยกจากครอบครัวระหว่างการอพยพลี้ภัยครั้งใหญ่อย่างที่เข้าใจกันก่อนหน้านี้ ข้อมูลดังกล่าวยิ่งย้ำเตือนให้เห็นว่าสถานการณ์ของเด็กชาวโรฮีนจาย่ำแย่กว่าที่หลายฝ่ายคิดกันมาก

 

ที่มา มติชนออนไลน์