กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้งของ “หัวเว่ย” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของโลก หลังจากที่ถูกแบนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ไม่ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบโทรคมนาคม 5G
ล่าสุดบริษัทหัวเว่ย ออกคำแถลงการณ์ตอบโต้ โดยระบุว่า การตัดสินใจของรัฐบาลออสเตรเลียในการประกาศห้ามไม่ให้หัวเว่ยเข้าไปแข่งขันในตลาด 5G ของออสเตรเลีย ถือว่าเป็นการดำเนินการที่มีแรงจูงใจจากเหตุผลทางการเมือง ซึ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ความโปร่งใสหรือ ความชอบธรรม
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
รวมทั้ง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ในระยะยาวของประชาชนออสเตรเลีย และยังลิดรอนสิทธิของเจ้าของธุรกิจและผู้บริโภคชาวออสเตรเลียในการเลือกใช้เทคโนโลยีการสื่อสารด้วย พร้อมระบุว่า “ตลาดที่ไม่มีการแข่งขันย่อมส่งผลให้ราคาการลงทุนสร้างเครือข่ายสูงขึ้น และจะส่งผลระยะยาวต่อออสเตรเลีย
ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล”
ท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจและผู้บริโภคเองจะกลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการกระทำของรัฐบาลในครั้งนี้
“หัวเว่ย” เป็นหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี 5G รายหลัก และรัฐบาลออสเตรเลียเองก็ตระหนักถึงประโยชน์อันมากมายมหาศาลของเทคโนโลยี 5G ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทว่า รัฐบาลออสเตรเลีย กลับจำกัดการใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ย ซึ่งรวมหมายถึง นวัตกรรมที่จะเติบโตก้าวหน้าได้ก็ต่อเมื่อผู้คิดค้นนวัตกรรมได้รับผลตอบแทนกลับมาจากการสร้างสรรค์ผลงาน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลออสเตรเลียก็ได้ปฏิเสธที่จะให้สิทธิแก่หัวเว่ยในการแข่งขันในตลาด และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา
แถลงการณ์ยังระบุว่าถึงการตีความกฎหมายของจีนว่า ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายที่มีคุณวุฒิ และมีการพิจารณาตัดสินอย่างเป็นกลาง หัวเว่ย ได้เคยเสนอการวิเคราะห์กฏหมายจีนที่เป็น
ประเด็นปัญหา โดยผู้เชี่ยวชาญอิสระซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลออสเตรเลียได้กล่าวว่า กฏหมายจีนไม่อนุญาตให้รัฐบาลจีนใช้อำนาจในการบังคับให้บริษัทโทรคมนาคมติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารในการดักฟังข้อมูลข่าวสาร หรือ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมใดๆ ที่อาจเป็นภัยต่ออุปกรณ์โทรคมนาคมของชาติอื่น
ดังนั้น ความเข้าใจผิดและการตีความกฏหมายจีนอย่างคับแคบไม่ควรนำเป็นข้อกังวลเกี่ยวกับธุรกิจของหัวเว่ย และหัวเว่ยไม่เคยได้รับการร้องขอจากรัฐบาลใดๆ ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานด้านการข่าวทั้งสิ้น
พร้อมอธิบายว่า โดยพื้นฐานแล้วสถาปัตยกรรมเครือข่าย 5G และ 4G ไม่มีความแตกต่างกัน ระบบเครือข่าย
หลักและเครือข่ายการเข้าถึงได้แยกเป็นคนละส่วน ส่วนเครือข่าย 5G ยังรับประกันด้านการ
ปกป้องข้อมูลส่วนตัว และระบบความปลอดภัยได้ดีกว่าระบบ 3G และ 4G อีกด้วย
“เราจึงขอให้รัฐบาลพิจารณาใช้แนวทางที่ปราศจากอคติและตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงเรื่องความปลอดภัย และทำงานร่วมกันเพื่อหาทางออกที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว”
“ผ่านการเจรจาอย่างเปิดเผย การคิดค้นวัตกรรมร่วมกัน และการประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด อันเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในอนาคต”
ทั้งนี้ คำแถลงการณ์กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับประเทศใดก็ตาม การแข่งขันทางการตลาดอย่างยุติธรรมและเสรีเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การกระทำของรัฐบาลออสเตรเลียถือเป็นการบั่นทอนหลักการแข่งขัน และการไม่เลือกปฏิบัติทางการค้า
รัฐบาลออสเตรเลียไม่ได้ระบุถึงข้อกังวลที่ชัดเจนเกี่ยวกับธรรมาภิบาล ความปลอดภัย หรือความถูกต้องเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงและปลอดภัยของหัวเว่ยในออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่อาจดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ หัวเว่ยจะยังคงประสานความร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลียและปฏิบัติตามข้อกฎหมายของออสเตรเลีย รวมถึงข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และจะดำเนินมาตรการที่เป็นไปได้เพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายและผลประโยชน์ของเรา