“ทรัมป์” เพิ่มตึงเครียดค้าจีน “หาเสียง” เลือกตั้งกลางเทอม

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
โดย นงนุช สิงหเดชะ

นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ อาจจะเพิ่มความตึงเครียดการค้ากับจีนมากขึ้นไปอีก เพื่อหันเหความสนใจของสาธารณชนไปจากปัญหาการเมืองที่กำลังรุมเร้าเขาอยู่ ในขณะที่การเลือกตั้งกลางเทอมจะมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายนปีนี้

เร็ว ๆ นี้ผู้นำสหรัฐถูกมรสุมการเมืองครั้งใหญ่ซ้ำอีก เมื่ออดีตคนใกล้ตัวของเขา 2 คน คือ นายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์เมื่อปี 2559 ถูกดำเนินคดี 8 ข้อหา อาทิ ฉ้อโกงธนาคาร เลี่ยงภาษี และ นายไมเคิลโคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ ซึ่งถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ทั้งละเมิดกฎหมายว่าด้วยทุนหาเสียงและฉ้อโกง

โดยคดีของนายโคเฮนน่าจะสั่นสะเทือนเก้าอี้ประธานาธิบดีได้มากที่สุด เนื่องจากเขาสารภาพว่าได้จ่ายเงินค่าปิดปากให้กับผู้หญิงสองคน คนหนึ่งเป็นดาราหนังโป๊ อีกคนเป็นนางแบบเพลย์บอย ในช่วงก่อนเลือกตั้งเพื่อไม่ให้พวกเธอปูดข่าวว่ามีเพศสัมพันธ์กับทรัมป์ ซึ่งการจ่ายเงินเป็นไปตามคำสั่งของทรัมป์

การสารภาพของนายโคเฮน ทำให้เกิดการคาดหมายว่า มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ทรัมป์ถูกถอดถอน กระทั่งทรัมป์เองร้อนตัวออกมาขู่ว่าหากเขาถูกถอดถอน เศรษฐกิจสหรัฐจะพินาศ ตลาดหุ้นจะพัง

วิษณุ วาราธาน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และเศรษฐศาสตร์ มิซูโฮ แบงก์ ชี้ว่า เมื่อแรงกดดันการเมืองภายในเพิ่มขึ้น ทรัมป์อาจจะเพิ่มแรงกดดันการค้ากับจีนเพื่อเบี่ยงความสนใจประชาชนและถือโอกาสหาเสียงสนับสนุนด้วยการย้ำว่าศัตรูร่วมของคนอเมริกัน คือ จีน แต่วิธีการนี้ก็เสี่ยงจะสร้างความไม่พอใจให้กับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาษี

ADVERTISMENT

เชน โอลิเวอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน เอเอ็มพี แคปิตอล ระบุว่า หากทรัมป์ใช้สงครามการค้าเป็นเครื่องมือหันเหความสนใจปัญหาการเมืองก็น่าเสียดายที่แรงเหวี่ยงเล็ก ๆ ในทางบวกจากการที่ทั้งสองฝ่ายหันกลับมาสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้งจะถูกกำจัดออกไป

“จนถึงขณะนี้ปัญหาทางข้อกฎหมายยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้ทรัมป์ถูกถอดถอน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ทรัมป์จะทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ไตร่ตรองเพื่อสร้างคะแนนนิยมในกลุ่มฐานเสียงของเขา ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดมากขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า”

ADVERTISMENT

แฟรงก์ เลวิน อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทำงานกับรัฐบาลรีพับลิกันมาหลายสมัย ระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่พรรคเดโมแครตจะกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งกลางเทอม หากเป็นเช่นนั้นอาจเป็นข่าวร้ายสำหรับทรัมป์ เพราะเดโมแครตจะยิ่งมีอำนาจในการสอบสวนคดีเกี่ยวกับทรัมป์

เดโบราห์ เอล์ม ผู้อำนวยการบริหารเอเชียนเทรด เซ็นเตอร์ ให้ความเห็นว่า ทั้งจีนและอเมริกาจะเผชิญหน้ากันต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครถอยให้ใคร เพราะขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้สึกเจ็บปวดมากพอจากพิษของสงครามการค้า ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานะได้เปรียบ

“เรากำลังอยู่ในช่วงที่ความตึงเครียดจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างยาวนาน สถานการณ์จะเป็นอย่างนี้ไปจนกว่าการเลือกตั้งกลางเทอมจะเสร็จสิ้น”

อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์จะใช้นโยบายการขึ้นภาษีสินค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจากจีนเพื่อหาเสียง แต่จากโพลของเอ็นบีซีนิวส์ เมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่าไม่สามารถจูงใจชาวอเมริกันใน 3 รัฐ ซึ่งจะชี้เป็นชี้ตายผลเลือกตั้งกลางเทอม ได้แก่ เพนซิลเวเนีย เทกซัส และอิลลินอยส์ โดยผู้มีสิทธิลงคะแนนจำนวนมากระบุว่า การขึ้นภาษีทำให้ต้นทุนสินค้าบริโภคสูงขึ้นและทำร้ายเศรษฐกิจอเมริกา

สำหรับการเจรจาระดับล่างระหว่างจีนกับอเมริกาเมื่อเร็ว ๆ นี้ในประเด็นการขึ้นภาษี ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสำคัญใด ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเป็นเจตนาของทรัมป์ที่จะลากยาวการเจรจาไปจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนจับตาว่าทรัมป์จะประกาศเก็บภาษีรอบใหม่จากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่